วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2015 ณ วัดนักบุญเปโตร โดย คุณพ่อ อนุรักษ์ ประจงกิจ ผู้เทศน์
หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ บอกกับเราว่าพระเจ้าทรงเลือกบางคนจากพวกเรามาเป็นประกาศกมาทำงานของพระองค์ มารับใช้พระองค์ เป็นคนที่เรารู้จัก เป็นคนที่อยู่ในหมู่พวกเราบางที เราอาจจะรู้ว่าบ้านเขาทำอะไร เขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร นิสัยเป็นยังไงเห็นความดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เพราะเรารู้จักเขา
“ใครที่ไม่ยอมฟังถ้อยคำของเราที่ประกาศกจะพูดในนามของเรา เราจะลงโทษเขา” (ฉธบ 18:19)
แต่เมื่อพระเลือกมา เมื่อพระต้องการใช้ เราก็ต้องยอมรับ เชื่อฟัง และปฏิบัติตามเพราะที่เขาพูด เขาทำ ทำตามพระบอก ตามที่พระเรียกให้มาทำงานของพระองค์ตามที่พระเรียกให้มาเป็นประกาศกของพระองค์ส่วนผู้ที่พระเจ้าเลือกให้มาเป็นประกาศก ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเอง ต้องพูดในสิ่งที่พระเจ้าบอกให้พูด เกินไปก็ไม่ได้ ขาดไปก็ไม่ได้ แต่งเองก็ไม่ได้ เกินหน้าที่ก็ไม่ได้
“เราจะใส่ถ้อยคำของเรา ไว้ในปากของเขา และเขาจะพูดทุกอย่างที่เราสั่ง ตามที่เราสั่ง” (ฉธบ 18:18)พูดในสิ่งที่พระเจ้าบอกให้พูด และใครที่พูดที่ทำเกินกว่าที่พระเจ้าสั่งหรือ พูดในนามของพระเจ้าอื่น จะถูกประหารชีวิตเพราะฉะนั้น อาจจะมีดีบ้าง ไม่ดีบ้างถ้าหน้าที่เรา คือ เชื่อฟัง และปฏิบัติตาม ก็ทำไปเพราะที่เขาพูด คือ พระวาจาของพระเจ้าถ้าหน้าที่เรา คือ การประกาศพระวาจาของพระเจ้า ก็ทำไปให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ขาดไม่เกิน ไม่พูดในนามพระเจ้าอื่นเพราะถ้าทำเกินกว่าที่พระพูด จะถูกประหารนะ”
บทอ่านที่สอง
“บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินทร์ มีความเชื่อมโยงกันกับอาทิตย์ที่แล้ว ในบทที่ 7 ของจดหมายฉบับนี้เป็นเรื่องของการถือโสดและการสมรสการอุทิศตนเพื่อพระเจ้าในวันนี้บทอ่านบทนี้ นักบุญเปาโลสอนและแนะนำเราด้วยคุณค่าที่สูงกว่า คือ เมื่อถือโสด ไม่แต่งงาน ก็จงถือโสดเพื่อที่จะรับใช้พระเจ้า อย่าถือโสดเพราะรักความสบาย ไม่แต่งงานเพราะไม่อยากผูกมัดจะได้ไปไหนมาไหนได้ จะชอปปิ้ง เที่ยวเล่น ก็สบาย ไม่ต้องมีครอบครัว ไม่ต้องมีลูกมีสามีมีภรรยา ไม่ต้องรับผิดชอบเวลาที่พ่ออยู่กับบนเขา บนดอย การถือโสด ไม่แต่งงานสำหรับวัฒนธรรมที่นั่น ถือเป็นเรื่องแปลก ถือว่าเป็นคนไม่สุก
(พ่อพูดภาษาม้งสองคำ : แอดมินต้องขออภัยที่จำไม่ได้ คำหนึ่ง
แปลว่า คนไม่สุด(คนดิบ) อีกคำแปลว่า คนสุก) เพราะว่าเมื่อถึงเวลา ก็ต้องออกเรือน มีลูกมีเต้าไป แต่งงานกันไป
ดังนั้น สิ่งที่ท่านนักบุญเปาโลแนะนำกับเราในวันนี้จึงคือ การแนะนำในเรื่องคุณค่าของชีวิตโสดอย่าโสดเพราะรักความสบาย ไม่อยากรับผิดชอบอะไรแต่เพราะคนโสดควรโสดเพื่อรับใช้พระเจ้าบรรดาพระสงฆ์นักบวชที่อุทิศตนเพื่อรับใช้งานของพระอาจเป็นแบบอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนในเรื่องนี้แต่บรรดาฆราวาสที่ถือครองชีวิตโสดก็เช่นกันพวกเขาเหล่านั้น(ฆราวาส)ที่ได้แต่งงานกับพระ เป็นเจ้าสาวของพระเยซูเจ้าก็เป็นอีกหนทางหนึ่งในการถือครองชีวิตโสดด้วยเช่นกัน เป็นการโสดเพื่อรับใช้พระเจ้าจริงอยู่ที่พวกเขาเหล่านั้นอาจไม่มีสถาบันมารองรับไม่ได้รับการเคารพนับถือ หรือมีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคมมากนักถ้าเขาได้ทำหน้าที่อุทิศตนรับใช้พระอย่างมั่นคง เข็มแข็งและกล้าหาญอย่างเงียบเงียบ ด้วยความสุภาพถ่อมตน ก็พูดได้อย่างเต็มคำได้ว่านี่คือชีวิตที่น่าจะยกย่อง ในการถือครองชีวิตโสดเพื่อการับใช้พระเจ้าเพราะพวกเขาเหล่านั้นได้อุทิศตนอย่างแท้จริง
พ่ออยากเป็นกำลังใจให้ไม่เฉพาะกับบรรดาพระสงฆ์นักบวชแต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาฆราวาสผู้ถือครองชีวิตโสดเพื่อรับใช้พระเจ้าด้วยในการอุทิศตนอย่างมั่นคง เข้มแข็งกล้าหาญต่อไป พวกคุณสุดยอดมากครับ”
บทอ่านที่สาม บทพระวรสาร วันอาทิตย์ที่ 1 กพ 2015
“พระวรสารอาทิตย์โดยนักบุญมาระโกพูดถึงเรื่องผี ผีในที่นี้ ไม่ใช่คนตาย (ศพ)ไม่ใช่วิญญาณของมนุษย์ที่ตายไปแล้วแต่ ผี คือ ปีศาจในตัวเราแต่ละคนมีผีปีศาจไหม? ผีขี้เกียจ ผีขี้นินทา ผีขี้อิจฉา ผีขี้โกหก ผีบ้าผู้หญิง ผีบ้าผู้ชาย ผีโลภ ผีเห็นแก่ตัว ผีบ้าอำนาจ ผีนิยมความเพอร์เฟ็ค (สมบูรณ์) เราแต่ละคน ก็เป็นคนดีบ้างไม่ดีบ้าง ผู้พูดเอง ก็ไม่ใช่คนดีอะไร มีดีบ้างไม่ดีบ้าง เรามีผี/ปีศาจแบบนี้อยู่ในตัวเราบ้างไหม? แล้วเวลาที่ผีเจอพระ มันเป็นอย่างไร?
‘ท่านมายุ่งกับเราทำไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำลายเราใช่ไหม เรารู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า’ (มก 1:24)
ผีมันรู้ว่าพระเยซูเป็นใคร มันเลยไม่อยากให้พระเยซูยุ่งกับมัน พวกเรามีท่าทีแบบนี้ไหม?
ลูกหลานในบ้านเราเป็นแบบนี้ไหม? ‘พ่อแม่จะมายุ่งทำไม จะเล่นเกมส์ จะใช้โซลเชียลเน็ตเวิร์ค
ไม่ไปวัด ไม่กินข้าว พ่อแม่จะตามทำไม อย่ามายุ่งกับหนู/ผม’ เด็กเด็กเป็นแบบนี้ไหม? แล้วเราหละมีท่าทีแบบนี้ไหม?
เมื่อมีคนมาเตือนเรา มาบอกเรา มาแนะนำเราอาจเป็นเพื่อนใกล้เรือนเคียง คนที่หวังดีกับเรา’จะมายุ่งกับเราทำไม เราจะเป็นแบบนี้ จะทำแบบนี้ไม่ต้องมาสนว่าเราจะทำอะไร ไม่ต้องมายุ่งกับเรา’ เราเคยปฏิเสธไม่อยากให้พระมายุ่งกับเราไหม?
‘เขาสั่งแม้กระทั่งปีศาจ และมันก็เชื่อฟัง’ (มก 1:27) ปีศาจยังรู้ว่าพระเป็นใคร และเชื่อฟังพระองค์
แล้วเราหละ รู้ไหมว่า พระเยซูเป็นใคร เราได้เชื่อฟังพระองค์ไหม? เราฟังพระวาจาของพระเจ้า และปฏิบัติตามไหม?”
(เรียบเรียงจากบทเทศน์ในมิสซารณรงค์ถุงทานเพื่อคณะธรรมทูตไทย วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2015 ณ วัดนักบุญเปโตร
โดย คุณพ่อ อนุรักษ์ ประจงกิจ ผู้เทศน์)
ปล. ภาพถ่ายจากเฟสบุ๊ค คุณ Kommala ขอบคุณมากครับ