บทเทศน์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2015 ในพิธีบูชาขอบพระคุณ รอบ 9:00น. ณ วัดราชินีสันติสุข 101
โดยคุณพ่ออนุรักษ์ ประจงกิจ (อ.ประจงกิจ) โอกาสการเทศน์มิชชั่นฉลอง 25 ปี คณะธรรมทูตไทย
ขอบคุณ สังฆานุกร พลาพล ผู้ประสานงานและขอบคุณคุณฝน @Araya Virinthorn สัตบุรุษวัดร้อยหนึ่งด้วย สำหรับภาพถ่ายและการบันทึกเสียง ที่ส่งมาให้แอดมินด้วยนะครับ “(ในช่วงต้นคุณพ่อได้แบ่งปันเกี่ยวกับคณะฯ อันนี้แอดมินขอไม่นำมาแบ่งปันแล้วกันนะครับ)
พี่น้องที่รัก แบบอย่างและองค์อุปถัมภ์ของผู้ประกาศข่าวดี ธรรมทูตอาจจะมีนักบุญหรือใครมากมาย แต่บุคคลแรกสุดของเรา คือ พระเยซูคริสตเจ้าบทอ่านที่สองจากจดหมายนักบุญเปาโลถึง บทที่ 9 ข้อที่ 16-19,22-23 ถือเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ได้เตรียมไว้ เพราะได้พูดถึงการประกาศข่าวดี
“แต่ในการประกาศข่าวดีนี้ ข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศข่าวดี หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้ายอมได้รับ….
(คุณพ่อเว้นช่วงถามก่อนจะเฉลยว่า คือ) …ความวิบัติ” (1 คร 9:16) พี่น้อง การจะเป็นผู้ประกาศข่าวดีนั้น ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเป็นผู้สมบูรณ์ดีพร้อมก่อนพระเจ้าทรงมอบหมายให้เราได้ทำหน้าที่ประกาศข่าวดีไม่ใช่เพราะว่า เราดีพร้อมกว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น
พี่น้อง การที่เรามาวัดมาโบสถ์ มาหาพระเจ้าก็เช่นกันไม่ใช่เพราะว่าเราดีพร้อมแล้ว สมบูรณ์แล้ว เราถึงมาแต่เพราะเราสำนึกว่า เรายังไม่ดีพร้อม ไม่สมบูรณ์เราจึงมาที่วัดมาฟังพระ มาฟังข่าวดีของพระองค์พระเจ้าทรงใช้คนธรรมดาอย่างเรา ที่ไม่ได้ดีพร้อมพระเจ้าทรงใช้คนธรรมดาอย่างเรา ที่ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมพระเจ้าทรงใช้คนธรรมดาอย่างเรา ที่ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์พร้อม …เพื่อให้มาทำงานของพระองค์ แต่พระองค์ทรงใช้เรา คนที่อาจไม่ดีพร้อม สมบูรณ์พร้อม ศักดิ์สิทธิ์พร้อม
คนที่มีดีบ้างไม่ดีบ้าง ทำบาปได้ ทำดีเป็น ให้มาทำงานของพระองค์และเมื่อเราตอบรับพระประสงค์และทำงานของพระองค์พระองค์จะทรงประทานความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เราเองเพราะความศักดิ์สิทธิ์ความดีพร้อมนั้นเป็นของประทานของพระเจ้าการประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ที่เราแต่ละคนต้องทำและเราต้องประกาศข่าวดีนี้ โดยไม่ต้องเรียกร้องอะไร เพราะการประกาศข่าวดีนี้ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติอยู่แล้ว
“ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใดเล่า รางวัลของข้าพเจ้าก็ คือ ความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดี” (1คร 9:18)
การประกาศข่าวดี จึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนไม่ใช่เพราะว่า เราดี เราเก่ง พระองค์จึงประทานความเชื่อให้กับเราเพราะอาจจะมีหลายคนที่เก่งกว่าเรา ฉลาดกว่าเรา ดีกว่าเราแต่พระองค์ไม่ได้ประทานให้ เพราะทรงประสงค์ให้เราได้เชื่อก่อนและให้เราได้นำข่าวดีนี้ ไม่ให้แก่ทุกคนพระองค์อาจบังคับให้ทุกคนเชื่อและรู้จักในพระองค์ได้เลยทันทีแต่พระองค์ไม่ทรงกระทำ เพราะทรงประทานให้เราได้เชื่อก่อนและทรงให้พวกเรามีส่วนร่วมในการทำงานของพระองค์ด้วยการไปประกาศข่าวดี เพื่อเราจะได้ดีขึ้น เพรียบพร้อมขึ้นและจะได้เหมาะสมกับการเป็นบุตรของพระองค์”
ปล. content แก่นแท้ สาระสำคัญของการประกาศข่าวดีที่เราจะต้องประกาศ คือ กท 4:4-7
คุณพ่อท่านให้มา ลองไปเปิดดูนะครับ