คำนี้พวกเราคงได้ยินมานานแล้ว และตอนนี้กำลังมีละครดังกำลังใช้ชื่อเรื่องนี้ แม้แต่ในประเทศ กัมพูชา ก็มีบางคนเอาบางตอนมาแปลเป็นภาษากัมพูชาแล้วก็มี คำนี้ มีเหมือนกันในภาษากัมพูชา คือคำว่า បុព្វេសន្និវាស (อ่านว่า บุบเปซอนนิเวียะฮฺ) ความหมายมีเหมือนกันครับ เป็นคำที่รับมาจากภาษาบาลี ว่า ปุพฺเพสนฺนิวาส (อ่านว่า ปุบ-เพ-สัน-นิ-วา-สะ). ปุพฺเพ (อ่านว่า ปุบ-เพ) แปลว่า ก่อน แรก เบื้องต้น เบื้องหน้า. สนฺนิวาส (อ่านว่า สัน-นิ-วา-สะ) แปลว่า อยู่ร่วม. บุพเพสันนิวาส แปลว่า การเคยอยู่ร่วมกัน หมายถึง การเคยอยู่รวมกันในชาติก่อน หมายเอาเฉพาะผู้ที่เคยอยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากัน ตรงกับที่ใช้ใน ภาษาไทยทั่วไปว่า การเป็นเนื้อคู่กัน
{besps}documents/frdenarticle/article33{/besps}
แล้วเรื่องก็ดำเนินไป ในเรื่องของคติธรรมเรื่องชาติภพ อดีตและปัจจุบัน ซึ่งเป็นอิทธิพลจาก พุทธศาสนา และบางครั้งก็ซึมเข้าไปในความรู้สึกของเราคาทอลิกไปโดยไม่รู้สึกตัว และแสดงออกให้เห็นใน ความรู้สึกนึกคิด คำพูด และเรื่องราวที่กำลังเป็นละครดังในช่วงนี้
ในแง่ประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีการบันทึกจากหลายแหล่งที่มา การอ่านและฟังอย่างพิจารณา ทำให้ เราไม่เป็นผู้ตัดสินประวัติศาสตร์ โดยใช้มาตรฐานของคนเราในยุคปัจจุบัน คือ ปล่อยให้มันเป็นไปในสิ่งที่ เกิดขึ้น แต่ให้เรารับรู้มันว่า มีเรื่องนี้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในแง่ศาสนา หรือประวัติศาสตร์ของ พระศาสนจักรไทยเรา
ประวัติศาสตร์พระศาสนจักรในกัมพูชา ก็ไม่แพ้เรื่องราวแบบบ้านเราในสมัยอยุธยาเช่นกัน ชาวต่าง ชาติที่มาค้าขาย ได้นำความเชื่อของพวกเขามาด้วย พร้อมกับบาทหลวง ที่กัมพูชามีบันทึกไว้ว่า การเข้ามาของ คริสตศาสนา เริ่มขึ้นในปี 1555 (นับเป็นตัวเลขที่จำง่าย) มาพร้อมกับการทำการค้าของชาว โปรตุเกส แม้แต่ประวัติศาสตร์ของการก่อร่างสร้างเมืองของอาณาจักรขอม ก็มีเรื่องของชุมชนคริสตชน อยู่ตลอด แต่ด้วยเหตุว่า อาณาจักรมีเสื่อมถอยโดยการรุกรานของอาณาจักรอันนัมและอาณาจักรสยามใน เวลานั้น ก็ทำให้ชุมชนคริสตชนถูกทำลายไปโดยปริยาย
ประวัติศาสตร์ ช่วงก่อนยุคอาณานิคมในกัมพูชา ปะปนไปด้วยเรื่องการคานอำนาจในทางการเมือง ผลประโยชน์ทางการค้า และศาสนา จนกระทั่งฝรั่งเศสเข้ามายึดครองประเทศในเขตอินโดจีน ทุกอย่างจึงเข้า สู่ความสงบในดินแดนกัมปุจแห่งนี้
ย้อนกลับมาเรื่อง บุพเพอาละวาด เอ้ย! บุพเพสันนิวาส ในเรื่องของความเป็นเนื้อคู่ สิ่งที่กำหนด ให้เรามาพบกันอยู่ด้วยกัน สำหรับเราคาทอลิก คงไม่ใช่เรื่องภพที่แล้วอย่างแน่นอน แต่เป็น “ความรัก” ที่กำหนดความสัมพันธ์ของเรา ความรักแบบพระเยซูเจ้า เป็นความรักสูงสุด ที่กำหนดแนวทางความรัก ของคนเป็นเนื้อคู่กัน คือ คู่รักที่มีความเชื่อ จะต้องรักแบบที่พระเยซูเจ้า รักพระศาสนจักร (อฟ.5:25)
อ้าว…แล้วคนที่ถือศีลพรหมจรรย์ล่ะ เนื้อคู่ของพวกเขาเหล่านั้นคือใครเล่า? คำตอบก็คือ ทั้งพระเยซู เจ้าและพระศาสนจักรนั่นเอง เพราะพวกเขาจะอุทิศตนรักรับใช้พระองค์และประชากรของพระองค์ ด้วยชีวิต ทั้งสิ้นในโลกนี้ เพื่อหวังจะได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์แบบหน้าต่อหน้าในชีวิตหน้า (ไม่ใช่ชาติหน้านะครับ)
สำหรับพวกเราธรรมทูต มีหลายคนที่ตกหลุมรัก งานธรรมทูตแบบอาจเรียกได้ว่า เป็นบุพเพ สันนิวาส ในแบบที่เป็นเนื้อคู่ก็ว่าได้ อย่างเช่น ในประเทศกัมพูชา จะมีกลุ่มอาสาสมัครชาวฝรั่งเศสหลายคน ได้มาทำงานรับใช้ชาวกัมพูชา เมื่อหมดสัญญากลับไป ก็ตัดสินใจเข้าบ้านเณรคณะMEP แล้วก็ถูกส่งกลับมา ทำงานที่นี่อีก ก็มีหลายกรณี หรือแม้แต่ในกรณีของผมเอง ที่ยอมรับว่า ตกหลุมรักงานธรรมทูตไปแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ผมรับผิดชอบอยู่ในเวลานี้ จนหลายๆ ครั้ง เพราะความรักให้กับพวกเขา ผมเสียสละ เวลาพักผ่อนจนบางครั้งไม่มีวันหยุด ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อย วุ่นวายบ้าง มีอารมณ์กันบ้าง แต่ผมก็ยัง เต็มใจอยู่ เหมือนกับคู่รัก ที่ไม่เคยห่างจากกัน แม้จะเป็นฝ่ายกาย แต่ใจพวกเขาก็ผูกพันกัน
เมื่อตอนเสกน้ำมันประจำปี 2018 นี้ มีพระสงฆ์เกือบ 80 องค์ จากทั่วพระศาสนจักรในกัมพูชา มาร่วมกัน พวกเขามีพระศาสนจักรที่นี่เป็นเนื้อคู่ และแสดงความผูกพันร่วมกัน เพื่อก่อสร้างพระศาสนจักร ท้องถิ่นแห่งนี้ให้เข้มแข็ง… จะเรียกว่าเป็นบุพเพสันนิวาส สำหรับพวกเขาได้ไหมหนอ?
มีบราเดอร์หรือน้องเณรหลายคน ได้มาสัมผัสกับชาวบ้านที่นี่ ก็มีความประทับใจ และตั้งใจว่า จะกลับมาอีกในอนาคต ถ้าพระเจ้ามีพระประสงค์(ผ่านทางผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ) ในอันที่จริง พระเจ้าทำงาน ในจิตใจมนุษย์เสมอ และพระองค์ทรงบันดาลให้ความรักในตัวมนุษย์ ทำงานในใจผ่านทางองค์พระจิตเจ้า
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า บุพเพสันนิวาส แบบคาทอลิก อยู่ที่ความรักที่เกิดขึ้นจากพระเจ้า และผลักดัน ให้มนุษย์รักกันและกัน เป็นเนื้อคู่กัน เหมือนดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร แบบไม่ต้องรอว่า เกิดมาตั้งแต่ชาติไหน แต่มันเริ่มแล้วในเวลาปัจจุบันนี้เท่านั้น… ความรักแบบนี้ คงไม่มีใครกล้าทำเป็น ละครแน่ แต่รับรองได้ว่า มีแน่นอนในชีวิตประจำวัน… แล้วคุณล่ะ เจอบุพเพสันนิวาส ได้พบรักกับ พระองค์หรือยังครับ? ถ้ายัง ก็ขอให้เปิดใจให้กว้าง ฟังเสียงพระองค์ในหัวใจให้มากนะครับ…