เดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 นี้ เราเริ่มเทศกาลมหาพรต ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สำหรับชาวโลก ถือว่า เป็นวันแห่งความรัก แต่สำหรับคริสตชนวันนี้เป็นวันที่เรากำลังแสดงความรักเหมือนกัน แต่เป็นวันที่ เราแสดงความรักต่อพระเยซูเจ้า ด้วยการเตรียมตัวร่วมเดินทางในเทศกาลมหาพรต โดยการ “รับเถ้า” ซึ่งเป็นการประกาศว่า เราได้เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการแก้ไขตัวเอง ด้วยการ ดำเนินชีวิตตามพระวรสารคือ การทำทาน การภาวนา และการอดอาหาร
{besps}documents/frdenarticle/article32{/besps}
ด้วยความที่ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศมิสซัง คริสตังใหม่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมาย และ ไม่ค่อยเข้าใจว่าต้องไปรับเถ้า หลายคนก็ไปฉลองวันวาเลนไทน์กันตามสมัยนิยม แต่ในชุมชนที่มี พลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่มีตัวอย่างของคริสตังรุ่นเก่า ก็เป็นพยานความรัก ด้วยการมาร่วมมิสซา และรับเถ้า ซึ่งพระคุณเจ้าโอลีเวียร์ ก็มาฟันฝ่ารถติดมาก กว่าจะมาถึงวัดนักบุญยอแซฟพนมเปญ เพราะเป็นช่วงก่อนตรุษจีน ผู้คนเหมือนนัดกันออกเดินทางไปต่างจังหวัด รถราออกมา วิ่งจนแน่นท้องถนน อย่างไรก็ตาม คริสตชนในเมืองหลายคนตั้งใจฟันฝ่ารถติด เพื่อมาร่วม มิสซารับเถ้า ตอนเย็นอย่างแสนลำบาก
เทศกาลมหาพรต มีหลายชื่อเรียกในภาษากัมพูชา ชื่อที่ตรงกับ Lent ในภาษาอังกฤษที่สุด ที่เราใช้กันคือ “ฤดูสี่สิบวัน” นอกจากนั้นก็ใช้คำเหมือนมหาพรตบ้านเราอีกคำหนึ่งคือ “ฤดูถือศีลอด” (ตรอนอม) ส่วนอีกชื่อหนึ่ง เพิ่งจะมีมาประมาณสิบปีมานี้คือ คำว่า “ฤดูอบรมพิเศษ”
สองคำแรก เราคงคุณกันแล้ว แต่สำหรับ “ฤดูอบรมพิเศษ” กำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ที่จริงแล้ว ที่พระศาสนจักรเลือกใช้คำนี้ เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ “คริสตังสำรอง” ที่กำลัง เตรียมตัวล้างบาป ได้เข้าสู่ขบวนการเตรียมรับผู้ใหญ่เป็นคริสตชน(RCIA) โดยสี่สิบวันนี้ เป็นช่วงเวลาที่พวกเขา ต้องรับการอบรมอย่างเข้มข้น พวกเขาต้องมีพิธีรับบทข้าแต่พระบิดา บทข้าพเจ้าเชื่อ และต้องเข้ารับ “พิธีชำระจิตใจ” ถึงสามครั้ง เพื่อให้พวกเขามั่นใจว่า พวกเขากำลังจะกลายเป็นคริสตชน และจะอยู่ร่วมส่วนชีวิตในพระศาสนจักร โดยมีพระเยซูเจ้าเป็น ศีรษะอย่างแท้จริง แต่ก็เป็นช่วงอบรมพิเศษ สำหรับคนที่เป็นคริสตชนอยู่แล้วเช่นกันด้วย เพื่อฟื้นฟู ความเชื่อ และปฏิบัติธรรมที่ออกมาจากความเชื่ออย่างแท้จริง
ปีนี้ผู้จะเตรียมรับศีลล้างบาปในช่วงปัสกาที่กัมพูชามีไม่มาก รวมแล้ว ประมาณร้อยกว่าคน โดยเฉพาะในเขตมิสซังพนมเปญ มีประมาณ 80 กว่าคนเท่านั้น (บางปีมีถึง 170 คน) “พิธีการรับผู้สมัครรับศีลล้างบาปอย่างเป็นทางการ” เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “จุมเฮียนตีปี” หรือเรียกกันว่า “ก้าวขั้นที่สอง” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พวกเขาจะต้องได้รับการ หล่อเลี้ยงอย่างเข้มข้น จากครูคำสอน และพ่อแม่ทูนหัว ทุกอาทิตย์ พวกเขาจะต้อง เข้าพิธีชำระ โดยเดินตามพระวรสารวันอาทิตย์ปีเอ คือ เรื่องน้ำทรงชีวิต(จากบทสนทนาของพระเยซูเจ้ากับ สตรีชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ) เรื่องพระเยซูเจ้ารักษาคนตาบอด และพระเยซูเจ้าปลุกลาซาลัส โดยมุ่งเน้นว่า บรรดาผู้เตรียมรับศีลล้างบาป ต้องกระหายหาพระเยซูเจ้า ต้องให้พระเยซูเปิดจิตใจ ของเขา และให้พระองค์ประทานชีวิตให้พวกเขา ผ่านทางศีลล้างบาป
ในช่วงนี้เอง พระศาสนจักรที่นี่ก็มีการประชุมบรรดาพระสงฆ์ โดยเฉพาะ การเตรียมตัว สนองตอบกับคำร้องเชิญของสมเด็จพระสันตะปาปาให้ภาวนาเพื่อประเทศซูดานใต้ และประเทศ คองโก ซึ่งกำลังมีสงครามและความอดอยาก และให้มีมีการภาวนาตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงวันที่ 9-10 มีนาคม โดยรับศีลอภัยบาปและเฝ้าศีลมหาสนิท
การประชุมพระสงฆ์ปีนี้ ได้มีประกาศปรับเปลี่ยนโยกย้ายพระสงฆ์นิดหน่อย ซึ่งในส่วนของ สมาชิกคณะธรรมทูตไทยเรา มีชื่อด้วยคือ คพ.วีรชัย ศรีประมงค์ ให้ต่อหน้าที่เจ้าอาวาสในเขตวัด แม่น้ำโขงต่อไปอีก 3 ปี ส่วน คพ.นิกร ประสูตรแสงจันทร์ ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสพ่อวีรชัย ก็ย้ายไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส คพ.เล วัง ติ้น ในเขตวัดแม่น้ำบาสัค ซึ่งมีกลุ่มคริสตชนเวียดนามอยู่ถึง 6 วัด และ คพ.ชัชชัย รวมอร่าม ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้แทนพระสังฆราช ของสภาพระสังฆราช ลาว-กัมพูชา ฝ่ายวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับศาลของพระศาสนจักร โดยเฉพาะในเรื่องการทำโมฆะของ ศีลแต่งงาน ซึ่งปัจจุบันมีหลายคู่ที่กำลังรอทำเรื่องอยู่
ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงาน(ที่ดี) มีน้อยอยู่ ขอพี่น้องช่วยภาวนาและส่งเสริมงาน ธรรมทูตในเขตแดนที่กำลังขาดแคลนผู้ทำงานนี้ด้วยเทอญ โดยเฉพาะในประเทศมิสซังแบบนี้ ขอขอบคุณคณะแสวงบุญ จากวัดนักบุญมาร์โก และทางจันทบุรี ที่มาเยี่ยมเยียนแสวงบุญในเดือนนี้