บทความของคุณพ่ออาดรีอาโน เปโลซิน

พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 8

พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า 8

“การประกาศข่าวดีแห่งพระวรสารในประเทศไทยปี ค.ศ. 2000” ( พ.ศ. 2543)

ข้าพเจ้าพบบทความเหล่านี้ในสมุดจดบันทึก เล่มหนึ่งของข้าพเจ้า บุคคลในสมุดจดบันทึกเล่มนี้ของข้าพเจ้า พวกเขาไม่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อนเลย พวกเขาเติบโตมาในบรรยากาศของการถูกเอารัดเอาเปรียบจากบุคคลอื่นและจากสังคม สิทธิและศักดิ์ศรีของพวกเขาได้ถูกริดรอนและถูกกดขี่ข่มเหง และพวกเขาก็ได้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง จิตใจของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาถูกทอดทิ้งจากทุกคนที่อยู่รอบข้างพวกเขา จนทำให้พวกเขาไม่สามารถไว้ใจและเชื่อใครได้อีกเลย แม้กระทั่งบุคคลที่ใกล้ชิดกับพวกเขาเอง ปัญหาต่างๆมากมายที่รุมเร้าพวกเขานี้ ทำให้พวกเขาดิ้นรนและแสวงหาความปลอดภัยให้กับตัวพวกเขาเอง รวมทั้งแสวงหาความเข้าใจและความรักจากบุคคลอื่น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพบมันได้เลย “เหมือนกับลูกแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงะ” บรรดาผู้หญิงก็ถูกทอดทิ้งจากสามีของพวกเขาเอง ผู้ชายหลายคนต้องกลายเป็นคนติดยาเสพติด แสวงหาผู้หญิงโดยไม่เลือกหน้าเลือกตา ลุดท้ายก็ต้องติดเชื้อเอชไอวี(เชื้อโรคเอดส์) บางคนก็ต้องตายก่อนระยะเวลาอันควร หรือ ติดสุราอย่างเมามายจนไม่สามารถหยุดได้ บรรดาผู้ที่เป็นแม่ไม่สามารถดูแลลูกๆได้อย่างดีและตามหาลูกๆของพวกเขากลับมา ได้ เพราะยุ่งอยู่กับการทำงานหาเงินจนไม่รู้จักคำว่าพอ เพียงแค่เพื่อที่จะยกระดับฐานะครอบครัวของตนเองให้ดีขึ้น

ติ๋ม

เธอเป็นผู้หญิงที่มีอายุ 54 ปี สามีของเธอได้ใช้จ่ายเงินจนหมดสิ้น สุดท้ายก็ต้องขายที่ดินและบ้าน ติ๋มและลูกชายอายุ 12 ปี ไม่มีที่อยู่อาศัย แม้แต่ห้องที่จะหลับนอน ติ๋มเต็มไปด้วยหนี้สินนอกระบบพร้อมดอกเบี้ยสูงที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ย 20 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน เจ้าหนี้ต้องส่งคนติดตามติ๋มอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน หลายครั้งหลายคราที่เธอโดนทำร้ายร่างกายเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย สุดท้ายเธอและลูกชายของเธอก็ได้ที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนเธอ เพื่อที่จะหนีรอดจากการติดตามและเฝ้าดูของเจ้าหนี้เธอ แต่ก่อนติ๋มเคยขายตำมะละกอ(ส้มตำ)ที่ตลาดที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านของเธอ แต่เดี๋ยวนี้เธอไม่มีอะไรเหลือแล้ว และไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย นอกจากนี้เธอก็ยังล้มป่วยหนัก ที่สุดก็มีครูคำสอนคนหนึ่งได้พาเธอมาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ขอให้ครูคำสอนคนนี้หาห้องเช่าให้กับเธอ และข้าพเจ้าก็ได้ไปพูดคุยกับเจ้าหนี้ของเธอเพื่อจ่ายหนี้ของเธอให้ทั้งหมด และไปพูดกับครูใหญ่ในโรงเรียนที่ลูกชายของติ๋มเรียนหนังสืออยู่เพื่อที่จะขอ ร้องให้ครูใหญ่รับลูกชายของติ๋มกลับเข้าไปเรียนหนังสือต่อ หลังจากที่ลูกชายของติ๋มไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นเวลานาน และไปโรงเรียนโดยที่ไม่ได้จ่ายค่าธรรมเรียมค่าเล่าเรียนที่โรงเรียน ในเวลาเดียวกันนั้น ข้าพเจ้าก็ให้ติ๋มมาทำงานสวนที่บ้านของคณะปีเมที่ปากเกร็ด นนทบุรี ทุกๆวันอาทิตย์เธอและลูกชายของเธอจะมาร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเพื่อฟัง พระวาจาของพระเป็นเจ้า และสุดท้ายพวกเขาก็เริ่มที่จะพบกับความหวังใหม่ของชีวิต

ข้าพเจ้าจ่ายหนี้สินให้ติ๋มเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท จ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 800 บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบ้านในระหว่างเดือนแรกที่เธอกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ให้เงินลงทุนกับเธอสำหรับการเริ่มต้นขายตำมะละกอ(ส้มตำ)อีกครั้งหนึ่งเป็น จำนวนเงิน 10,000 บาท

เขียว (Cheo)

ข้าพเจ้าได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ เขียว เธอถูกทอดทิ้งโดยสามีของเธอ เธอมีลูกชายอยู่ 2 คน คนเล็กอายุ 14 ปี ส่วนคนโตอายุ 17 ปี เธอทำงานที่บริษัทก่อสร้าง แม่ของเธออาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน) เขียวมีภาระหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวเล็กๆ 2 คน และน้องสาวอีกคนก็มีอายุ 18 ปี พร้อมด้วยลูกของน้องสาวของเธออีก ซึ่งอายุ 2 ปี ซึ่งก็ถูกสามีทอดทิ้งเหมือนกับเธอเช่นกัน ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือลูกของเขียว 2 คน ให้มีโอกาสได้เข้าโรงเรียนและได้เรียนหนังสือ เขียวเริ่มรู้จักที่จะสวดภาวนาเพื่อแสวงหาความหวังและความชื่นชมยินดีใน ชีวิตของเธอ เขียวได้มีโอกาสอ่านหนังสือพระคัมภีร์ทุกวัน ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือเขียวโดยให้เงินกับเธอเดือนละ 3,000 บาท ในขณะที่เธอมาช่วยทำงานสวนที่บ้านของคณะปีเม ปากเกร็ด นนทบุรี (ต่อมาเขียวและลูกๆของเธอก็ได้รับศีลล้างบาป และเขียวก็ยังคงทำงานสวนอยู่ที่บ้านของคณะปีเม ปากเกร็ด นนทบุรี)

ตุ๊กและยา

ตุ๊กเป็นผู้หญิง อายุ 28 ปี ส่วยยาเป็นผู้ชาย อายุ 30 ปี ยากำลังอยู่ในอาการป่วยด้วยโรคเอดส์ เขาพึ่งจะออกมากจากเรือนจำ(คุก)ในข้อหาฆ่าคนตาย ส่วนสามีของตุ๊กตายเป็นคนที่ 199 ของบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ทั้งหมดในสมัยนั้น ตุ๊กมีลูกอยู่ 2 คน ผู้ชายอายุ 6 ปี และ ผู้หญิงอายุ 4 ปี ยารู้สึกชอบและอยากจะได้ตุ๊กเป็นภรรยาของเขา แต่ตุ๊กไม่ชอบยา ยาได้ตัดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเพื่อเป็นการพิสูจน์และทำให้ตุ๊กมั่นใจใน ตัวยาว่ายารักตุ๊กและอยากได้ตุ๊กเป็นภรรยาของเขา ตุ๊กได้มาหาข้าพเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือและขอคำแนะนำ สุดท้ายตุ๊กก็รับยาเป็นสามีของเธอ ข้าพเจ้าได้เช่าห้องเช่าให้กับพวกเขาทั้งสองพร้อมทั้งๆลูกของเขาด้วย ข้าพเจ้าได้ดูแลและเอาใจใส่พวกเขาในเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่จำเป็น ต่างๆ ค่ายารักษาพยาบาล รวมทั้งในเรื่องชีวิตด้านจิตวิญญาณของพวกเขาด้วย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณเดือนละ 10,000 บาท ตุ๊กและครอบครัวของเธอได้พบกับความเชื่อและความหวังอันแท้จริงในองค์พระเยซู คริสตเจ้าผู้ทรงรับทนทรมาน สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและทรงเป็นผู้ที่ให้อภัยไม่มีที่สิ้นสุด ต่อมาตุ๊กและของครอบครัวของเธอก็ได้รับศีลล้างบาป ส่วนยาหลังจากอยู่กับตุ๊กได้เพียงไม่นานก็เสียชีวิต ส่วนตุ๊กยังคงมีชีวิตอยู่และมีสามีคนใหม่และทำงานหาเลี้ยงครอบครัวอย่างมี ความสุข ส่วนลูกชายของตุ๊กก็กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยสาขาวิชาการแพทย์

จัน

จันเป็นผู้ชายอายุ 42 ปี เขาดำเนินชีวิตอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีบ้าน ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีการมีงานทำ นอกจากนี้ยังติดสุราอย่างหนัก ดูเหมือนเขาอายุเพียง 42 ปี แต่หน้าตาของเขาดูเหมือนกับคนที่มีอายุ 70 ปีแล้ว เขาอพยพและย้ายถิ่นฐานมาจากสลัมที่เรียกว่า “ตึกแดง” ในเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ข้าพเจ้าได้เช่าห้องเช่าสำหรับเขาในราคาเดือนละ 1,000 บาท และข้าพเจ้าได้ให้เขามาทำงานสวนที่บ้านของคณะปีเมที่ปากเกร็ด นนทบุรี ข้าพเจ้าได้ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขาในสิ่งที่จำเป็นและที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าใหม่ ที่นอน หรืออื่นๆ ฯลฯ ข้าพเจ้าให้เงินเขาเพียงแค่วันละ 30 บาท สำหรับการซื้อบุหรี่สูบเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่สามารถให้เขาได้มากกว่านี้ มิฉะนั้นแล้ว เขาจะนำเงินไปซื้อสุราดื่มจนหมด นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังให้เขาทานอาหารทั้ง 3 มื้อ คือ เช้า เที่ยง เย็น ในบ้านปีเมที่ปากเกร็ด นนทบุรี

พรชัย

พรชัยเป็นผู้ชายคนหนึ่งอายุ 40 ปี โดยมีประวัติในเรื่องของการติดยาเสพติด และยังเป็นคนที่ติดสุราอย่างเมามายด้วย เขาดำเนินชีวิตอยู่กับลุงแก่ๆอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของเขา เขาไม่มีบ้านและไม่มีที่จะไป ข้าพเจ้าได้เช่าห้องเช่าให้กับเขาและลุงของเขาในราคาเดือนละ 1,000 บาท และได้ซื้อสิ่งจำเป็นพื้นฐานต่างๆในการดำเนินชีวิตให้กับเขาและลุงของเขา ข้าพเจ้าได้ไปหาพ่อค้าไม้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคริสตชนที่ดีและศรัทธา และข้าพเจ้าได้ขอให้พ่อค้าไม้คนนี้ได้ช่วยบริจาคเศษไม้สักที่ยังดีและใช้ได้ อยู่ เพราะว่าพรชัยเองซึ่งก็เป็นคริสตชนคนหนึ่งเหมือนกันได้บอกกับข้าพเจ้าว่าเขา ชอบและมีฝีมือในงานแกะสลักรูปปั้นต่างๆ พรชัยได้แกะสลักรูปปั้นพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของแม่พระและของพระเยซูเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ให้เงินกับพรชัย เพราะข้าพเจ้ากลัวว่าเขาจะนำเงินที่ได้จากการแกะสลักรูปปั้นนี้ไปซื้อสุรา ดื่ม ข้าพเจ้าให้เพียงแค่อาหารในแต่ละมื้อแต่ละวันกับเขาเพื่อเป็นการตอบแทนเขา ที่เขาได้แกะสลักรูปปั้นพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของแม่พระและของพระเยซูเจ้าให้ กับข้าพเจ้า ต่อมาข้าพเจ้าก็ได้ส่งพรชัยไปยังสถานที่บำบัดและฟื้นฟูสำหรับผู้ติดยาเสพติด แต่พรชัยก็ไม่สามารถอยู่ได้ โดยได้หนีออกไปจากสถานที่บำบัดและฟื้นฟูสำหรับผู้ติดยาเสพติดนั้น บางครั้งบางคราวพรชัยก็ได้มาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้า แต่นั่นก็เฉพาะเวลาที่เขาต้องการเงินจากข้าพเจ้าเพื่อไปซื้อยารักษาสุขภาพ ของเขาในเวลาที่เขาป่วยหนัก ต่อมาไม่นานมีบางคนบอกข้าพเจ้าว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว

เกี่ยวกับเรื่องการจ่ายเงินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบของชาวบ้านที่ชุมชนใต้สะพานพระราม 6

ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือและจ่ายเงินทั้งหมด ทั้งเงินต้นและเงินดอกให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใต้สะพานพระราม 6 จากการที่พวกเขาไปกู้ยืมเงินนอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงให้กับเจ้าหนี้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ400,000 บาท

บ้านสำหรับเด็กที่ชุมชนตึกแดง บางซื่อ

ชัยผู้ชายอายุ 25 ปี และ บุญนามผู้หญิง อายุ 26 ปี ทั้งสองเป็นบุคคลที่มีศีลธรรมจรรยาที่ดีงาม และทั้งคู่ก็เป็นครูคำสอนของชนเผ่าปะกะญอ ซึ่งเป็นผู้ดูแลและเอาใจใส่บรรดาเด็กๆที่ถูกทอดทิ้งในบ้านเช่าหลังหนึ่งที่ ชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ทุกๆเช้าพวกเขากับบรรดาเด็กๆจะร่วมกันสวดภาวนาทำวัตรทั้งทำวัตรภาคบทอ่านและ ทำวัตรเช้า หลังจากนั้นพวกเขาก็จะออกไปเยี่ยมเยียนบรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องของเด็กๆที่ พวกเขาดูแลเอาใจใส่อยู่ ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่มีความยาวของตัวบ้านเพียง 10 ตารางเมตร และความกว้างเพียง 3 ตารางเมตร และก็ได้ไปเยี่ยมเยียนบรรดาชาวบ้านหลายคนที่ถูกทอดทิ้งในชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิงแก่คนหนึ่งซึ่งเป็นโรคเรื้อน, ผู้หญิงแก่อีกคนหนึ่งที่ล้มเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์, ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังใกล้จะตาย, บรรดาเยาวชนชายหนุ่มที่กำลังติดยาเสพติดอย่างมอมเมา นอกจากนี้พวกเขาทั้งสองยังได้สอนความรู้ทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การเขียน ให้กับบรรดาเด็กๆ ผู้ซึ่งออกจากโรงเรียนก่อนที่จะเรียนจบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ในช่วงบ่าย พวกเขาทั้งสองจะกลับไปดูแลบรรดาเด็กๆของพวกเขาที่พวกเขาดูแลอยู่ในบ้านเช่า หลังนั้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหาว่างให้กับบรรดาเด็กๆ ช่วยเด็กๆในการทำการบ้าน สอนคำสอน และพาเด็กๆออกกำลังกายและเล่นกีฬาทุกๆวัน

สำหรับชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือไม่มีบ้าน

ข้าพเจ้าเกิดมีแรงบันดาลใจที่อยากจะช่วย เหลือชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือไม่มีบ้าน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลวและไม่สำเร็จ ในกรุงเทพฯมีชาวบ้านและผู้คนจำนวนมากมายเลยทีเดียว ที่ดำเนินชีวิตเร่ร่อนเป็นขอทาน พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาล้มเหลว ผิดหวังและเกิดความท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต โดยเฉพาะจากการที่พวกเขาถูกทอดทิ้งโดยภรรยาของพวกเขาเองผู้ซึ่งพวกเขารักมาก ที่สุด ข้าพเจ้าได้พยายามที่จะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นบางคน (ประมาณ 9 คน) โดยการจัดการหาห้องเช่าให้กับพวกเขา รวมทั้งหาการหางานให้พวกเขาทำด้วย แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้ พวกเขาก่อและสร้างปัญหาให้กับข้าพเจ้าอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกับเพื่อนบ้านข้างห้องเช่าที่พวกเขาเช่าอยู่ หลายครั้งหลายคราที่สาเหตุมาจากการดื่มสุราจนเมามายไม่มีสติ บางครั้งพวกเขาเหล่านั้นก็มาหาและเยี่ยมเยียนข้าพเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ(คุก) หรือหลังจากที่พวกเขาได้ไปชกต่อยและทะเลาะเบาะแว้งกับชาวบ้านอย่างรุนแรงตาม ถนนหนทาง พวกเขามาหาข้าพเจ้าพร้อมด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ไม่ว่าจะเป็นศีระษะแตก เต็มไปด้วยบาดแผลและมีรอยเย็บ เพื่อรักษาบาดแผลที่ฉีกขาดของพวกเขา ตาฟกซ้ำดำเขียว หน้าตาดูไม่ได้ แขนหัก ฯลฯ นอกจากนี้บางครั้งบางคราวพวกเขาก็ยังเขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าในขณะที่กำลัง อยู่ในเรือนจำ(คุก)ด้วย ท้ายที่สุด พวกเขาเหล่านี้ก็ได้เสียชีวิตบนถนนหนทาง มีเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

admin@admin.com

About Author

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บทความของคุณพ่ออาดรีอาโน เปโลซิน

พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 1

พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 1 “เรารักท่าน พร้อมกับบาปของท่าน”       ในปี ค.ศ. 1997 เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ 31 ปี และบวชเป็นพระสงฆ์มาได้ประมาณ 5 ปี คุณพ่อวิญญาณรักษ์ของข้าพเจ้าที่มหาวิทยาลัยแมรี่เกลด ในบ้านเณรของคณะปีเม (คณะธรรมฑูตแห่งกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี่) ที่เมืองดิทรอยท์
บทความของคุณพ่ออาดรีอาโน เปโลซิน

พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 2

พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ตอนที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1978 คุณพ่ออธิการคณะปีเมของข้าพเจ้าได้ขอให้ข้าพเจ้าไปเป็นธรรมฑูตหรือมิชชันนา รี่ผู้แพร่ธรรมที่ประเทศไทย ข้าพเจ้าได้เรียนภาษาไทยและได้มีประสบการณ์หนึ่งในช่วงเวลา 3 เดือนที่ข้าพเจ้าไปพักอาศัยอยู่ในวัดกับพระของศาสนาพุทธ(ครูบา) ที่วัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ในปี ค.ศ. 1980 พระสังฆราช โรเบิร์ต รัตน์