กางเขนชัยแห่งชีวิตใหม่

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้ร่วมเดินทางกันกับพระเยซูคริสตเจ้า ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแห่งปี คือ “วันสมโภชปัสกา” ซึ่งก่อนหน้านี้ เราได้เตรียมตัวเตรียมใจมากมาย นับตั้งแต่เทศกาลมหาพรต มาถึงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ จนถึงวันอาทิตย์ปัสกา
เนื่องจากอากาศร้อน และบางท่านก็ลำบากในการเดินทาง จนบางครั้งทำให้การร่วมพิธีกรรมที่ยาวแบบพิเศษนี้ ถูกเรียกร้องให้มีความอดทน และเตรียมตัวเตรียมใจมากกว่าธรรมดา แต่นี่เป็นเครื่องหมายให้เราเข้าใจถึงพระทรมานที่พระเยซูได้รับ เพื่อเป็นยัญบูชาไถ่บาปเรา… เพราะผ่านทางพิธีกรรม ทำให้ความยากลำบากในชีวิตประจำวันของเรามีความหมาย เพราะเราได้ร่วมเดินทางกับพระองค์และพระศาสนจักรอย่างมีสันติสุขในจิตใจ
ที่กัมพูชาเรา ส่วนใหญ่ช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ตามวัดต่างๆ ต้องเตรียมการกันหลายอย่าง เพื่อให้พิธีกรรมออกมาดี แต่สำหรับวัดที่กำลังมีสมาชิกใหม่ คือ บรรดาผู้ใหญ่ที่เตรียมล้างบาป ในวัดเหล่านั้นก็ต้องเตรียมตัวสำหรับพวกเขาให้มากกว่านั้นอีก เช่น อาจจะมีการพบปะกัน, แนะนำความหมาย, เข้าเงียบ, ซ้อมพิธีเพื่อเข้าใจขั้นตอนระหว่างพิธีจะได้ไม่เขอะเขิน, สัตบุรุษคริสตังเก่า ก็ต้องช่วยเป็นกำลังใจ ภาวนาให้ ร่วมในพิธีกรรมในระหว่าง ขึ้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ การรับเข้า พิธีมอบบทข้าแต่พระบิดา บทข้าพเจ้าเชื่อ พิธีชำระจิตใจ(ไล่ผี) หรือพิธีล้างบาป พี่น้องอาจจะคิดเปรียบเทียบ เหมือนครอบครัวหนึ่ง ที่กำลังให้กำเนิดลูก กำลังเตรียมมีสมาชิกใหม่ บรรดาพ่อแม่พี่น้องต่างต้องช่วยกันเตรียมตัวเตรียมใจ ด้วยความตื่นเต้นและยินดี
ดังนั้น เราจึงต้องยินดีที่มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น แม้คนที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีความลำบากในการเตรียมกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องมีหลายละเอียดมากขึ้นก็ตาม ผมขอร่วมแสดงความยินดีกับทุกวัดที่มี ผ่านกางเขนแห่งมหาพรต สู่ชีวิตใหม่แห่งปัสกา สำหรับวัดที่ไม่มี “ผู้ใหญ่” มาเรียนคำสอน ก็น่าจะเป็นเวลาที่ดี ในการประเมินคริสตชนในเขตวัดนั้นๆ ว่า เราได้เป็นพยานถึงข่าวดี ให้กับพี่น้องรอบข้างตัวเราที่ไม่ใช่เป็นคริสตชนแค่ไหน? เพราะการมีผู้ใหญ่เป็นคริสตชน เป็นตัวชี้วัด การเจริญเติบโต ความีชีวิตชีวา ความสุขความยินดีในความเชื่อของพี่น้องในชุมชนนั้นๆ ที่เป็นพยานถึงข่าวดี จนเกิดดอกออกผล
สำหรับวัดผมในปีนี้ เรามีคริสตชนใหม่ 9 ท่าน แต่มีบางท่านมาเรียนคำสอน เพราะมาทำงานหรือเรียนในเมือง ก็กลับไปรับศีลล้างบาปที่วัดเดิมของตนเอง นี่ก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่ง ของสภาพการณ์ของการอพยพผู้คน ไปทำงานอาศัยในที่ไกลจากบ้างเกิดเมืองนอน แต่เมื่อมีวันสำคัญในชีวิต ก็ต้องการเตรียมตัว เตรียมใจ จากชุมชนคาทอลิกที่อยู่ใกล้สุด ดังนั้นวัดในเมืองใหญ่ ต้องพร้อมต้อนรับพี่น้องจากต่างจังหวัดเสมอ
ตอนนี้ผมกำลังมาช่วงในปีสุดท้ายของการก่อสร้างมหาวิหารในกรุงพนมเปญแล้ว ด้วยว่าโบสถ์แห่งนี้ ไม่ใช่แค่ของเขตวัดพซาโตจ พนมเปญ แต่มันกลายเป็นเครื่องหมาย ในการรื้อฟื้นความเชื่อในพระเยซูผู้กลับคืนพระชนมชีพ ในประเทศกัมพูชา ให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง… แม้วัดนี้จะไม่ใหญ่โตโอ่อ่าสง่างามเท่ามหาวิหารเดิมก่อนสงครามในกรุงพนมเปญ แต่ก็อาจจะจัดได้ว่า มีความเป็นที่สุดหลายอย่างของโบสถ์คาทอลิกในประเทศกัมพูชา ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ใช้สอยภายในตัวอาคารที่อาจจะบรรจุผู้เข้าร่วมได้พันกว่าคน, ความเป็นศิลปะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเขมรและความเป็นวิหารในยุโรปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ แม้เราจะถูกจำกัดด้วยพื้นที่รอบด้าน เพราะอยู่ในเมืองหลวง ไม่อาจจะขยายได้(ที่แพงมาก) แต่ก็ออกแบบให้ใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด เช่น มีชั้นจอดรถใต้ดิน มีชั้นสำหรับทำกิจกรรมสัมมนาอบรม ตัววัดอยู่ด้านบนและหอระฆังด้านหน้าวัดที่มองวิวไปเห็นพนมเปญ
และอีกหนึ่งที่สุด ที่เราได้ทำกันในวันสมโภชปัสกา คือ การทำพิธีเสกไม้กางเขนยอดวัด ก่อนที่จะทำไปติดตั้งที่ยอดสุดของโบสถ์ หลังจากพิธีบูชาขอบพระคุณผมได้เชิญพี่น้อง เข้ามามีส่วนร่วมนี้ด้วยกัน ประมาณสองร้อยคน มาร่วมพิธีเสก และขอพรจากกางเขน ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ของการไถ่บาปมนุษย์ แต่กางเขนนี้พิเศษตรงที่ว่า 1. เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ของมรณสักขีที่ทำขึ้นที่หมู่บ้านตางโกก อันเป็นสถานที่แห่งสุดท้าย ที่พระสังฆราช ชัมมา ซาละ และเพื่อนมรณสักขีกัมพูชา ได้เสียชีวิตที่นั่น ก่อนพนมเปญแตก พระคุณเจ้าได้เคยมาอาศัยอยู่ที่วัด น.ยอแซฟ แห่งนี้ ซึ่งเป็นอดีตบ้านเณร 2.ไม้กางเขนนี้ ทำให้วัดแห่งนี้ เป็นวัดคาทอลิกที่มีความสูงสูงที่สุดในประเทศกัมพูชาคือ 46 เมตร 3. เนื่องจากโบสถ์อยู่ทางเหนือของกรุงพนมเปญ และหน้าโบสถ์หันไปทางกรุงพนมเปญ บอกเป็นนัยว่า พระเยซูคริสต์ที่ไถ่โลกผ่านทางไม้กางเขน พระองค์จะประทานพรชาวกรุงพนมเปญ และประเทศกัมพูชาเช่นกัน
ความที่เราเป็นพระศาสนจักรเดียวกัน โบสถ์หลังใหม่ กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความร่วมมือกัน ทั้งของพระศาสนจักรสากลและท้องถิ่น โดยเฉพาะจากคณะมิสซังต่างประเทศจากกรุงปารีส(MEP) พี่น้องสัตบุรุษทางประเทศไทยและเวียดนาม และชาติต่างๆ ที่แวะเวียนผ่านมา อย่างไรก็ตามบรรดาสัตบุรุษในพื้นที่ ก็ช่วยกันออกแรงกันอย่างเต็มที่ ในการมีส่วนร่วมถวายปัจจัย เชิญชวนพี่น้องที่อยู่ในต่างประเทศมาร่วมบริจาค แม้แต่เด็กๆที่มาเรียนคำสอน ก็ใช้ช่วงเวลาสำคัญๆ อย่างเช่น ในช่วงมหาพรตที่ผ่านมา ได้ยอดกระปุกสะสมเงิน และมอบเงินสะสมร่วมทำบุญสร้างวัดด้วย ซึ่งแม้จะเป็นเสียสละค่าขนมเล็กๆน้อยๆ แต่เป็น การแสดงออกด้วยน้ำใจที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
ดังนั้นการสร้างวัดสร้างอาคาร ผมเห็นว่าจะยิ่งมีความหมายมากขึ้น คือเราต้องสร้างกลุ่มคริสตชนควบคู่ตามไปด้วย และความยิ่งใหญ่ของบรรดาธรรมทูตคือ ได้ช่วยวางรากฐานให้พระศาสนจักรท้องถิ่น เพื่อวันหนึ่ง พวกเขาจะสามารถดูแลกันและกันได้ต่อไป… ขอพระเยซูเจ้า ผู้กลับคืนพระชนมชีพ ประทานพรพี่น้องในโอกาสปีใหม่สงกรานต์ปีนี้ ให้เต็มเปี่ยมด้วยพระพรเสมอ โดยเฉพาะพี่น้อง ที่ได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างพระวิหารที่พนมเปญนี้ และการก่อสร้างพระศาสนจักรเล็กๆแห่งนี้ด้วยนะครับ