อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อย่าทำตัวเป็นนกยูงที่มองตัวเองสำคัญและหยิ่งผยอง
・โป๊ปฟรานซิส ย้ำบรรดาสงฆ์และนักบวช อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อย่าทำตัวเป็นนกยูงที่มองตัวเองสำคัญและหยิ่งผยอง
・ทรงถาม สงฆ์และนักบวช หลังอาหารเย็นนั่งดูทีวีและเข้านอนเลย โดยไม่ไปทักทายพระเยซูผู้เป็นเจ้านายของเราหรือไม่ อย่างน้อย เราต้องมีมารยาทไปทักทายพระเจ้า สวัสดีและขอบคุณพระองค์
・ทรงเตือน สงฆ์และนักบวช จงหลีกเลี่ยงการบ่น การนินทา และการอิจฉากัน จงอย่านินทาบิช็อป เพราะบิช็อปก็เป็นคนบาปเหมือนเรา จำไว้ว่า สงครามในชุมชนนักบวช สงครามในวัดคาทอลิกเป็นความพ่ายแพ้เสมอ
・ทรงแนะสงฆ์ที่ฟังแก้บาป อย่าถามคำถามมากเกินไป แต่จงฟังและให้อภัย ห้องแก้บาปไม่ใช่ห้องทรมาน
・ทรงชี้ สงฆ์และนักบวชต้องหาเวลาเงียบสงบเพื่อฟื้นฟูความชื่นชมยินดีในพระเจ้า ไม่ใช่ทำแต่งานจนลืมหาเวลาให้พระ
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส เสด็จไปอาสนวิหารอัสสัมชัญ สังฆมณฑลอฌักซิโอ้ ประเทศฝรั่งเศส เพื่อพบปะและให้โอวาทแก่บรรดาบิช็อป สงฆ์ นักบวชชายหญิง และผู้ฝึกหัดทุกคนบนเกาะคอร์ซีก้า โดยนี่เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งที่ 47 ในสมณสมัยของพระองค์ การเยือนครั้งนี้เป็นแบบไปเช้า-เย็นกลับ
1. ในส่วนพระดำรัสวันนี้ พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึง “ความยึดถือความยากจนของสงฆ์และนักบวช” ว่าเป็น “พระพร” พระองค์ตรัสว่า “พ่อขอบอกว่า ความยากจนของสงฆ์และนักบวชเป็นพระพร ทำไมหรือ? มันทำให้เราปลดเปลื้องความคิดที่ว่าเราสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง มันสอนเราให้พิจารณาพันธกิจคริสตชนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำลังของมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับงานของพระเจ้าเป็นสำคัญ”
2. พระสันตะปาปาทรงเตือนถึงอันตรายของจิตตารมณ์ทางโลกและความหยิ่งผยอง สิ่งนี้ทำให้สงฆ์บางคนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
“นี่คือการทำตัวเป็น ‘นกยูง’ มันคือการมองตัวเองมากเกินไป
ความหยิ่งผยองเป็นนิสัยที่น่าเกลียด มีกลิ่นเหม็น”
พระองค์ตรัส พร้อมทั้งแนะนำให้สงฆ์และนักบวชทุกคนกล่าวซ้ำๆในคำภาวนาทุกเช้าว่า “วันนี้ ขอให้พันธกิจการรับใช้ของเรา เราไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่เราจะให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของงานนี้”
3. จากนั้น พระสันตะปาปาทรงแชร์ประสบการณ์ที่เคยไปเยี่ยมสงฆ์นักบวชที่ทำงานหนักมากๆ แต่ลืมสวดภาวนา พระองค์เล่าว่า
“พ่อเคยไปเยี่ยมสงฆ์ดีๆบางคนที่ทำงานหนักมาก เขาเล่าให้พ่อฟังว่า ‘ผมเหนื่อยมาก กินอาหารเย็นเสร็จ ผมดูโทรทัศน์และเข้านอนเลย’
พ่อเลยถามเขากลับว่า ‘คุณไม่แวะไปที่วัดน้อยเพื่อทักทายพระเยซูผู้เป็นเจ้านายของคุณหน่อยหรือ’
เขาตอบว่า ‘ไม่ล่ะ’ พ่ออยากบอกพวกท่านทุกคนว่า ‘อย่างน้อยก็มีมารยาทหน่อย เราควรแวะไปที่วัดน้อยเพื่อสวัสดีและขอบคุณพระ บอกพระองค์ว่า พรุ่งนี้พบกันใหม่’
อย่าลืมพระเจ้า … พระองค์คือหัวหน้าของเรา และเป็นหัวหน้าที่ทำงานมากกว่าเรา อย่าลืมสิ่งนี้เด็ดขาด”
4. ในด้านการดูแลตนเองและผู้อื่น พระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำว่าชีวิตสงฆ์และนักบวชไม่ใช่การพูด “ใช่ (YES ตอบรับพระเจ้า)” เพียงครั้งเดียวแล้วจบ
แต่ต้องฟื้นฟูความชื่นชมยินดีของการพบพระเจ้าทุกวัน
พระสันตะปาปาทรงแนะนำให้มี “กฎชีวิต” ที่รวมถึงการสวดภาวนา การรับศีลมหาสนิท และการมีช่วงเวลาเงียบสงบ “ยิ่งสงฆ์ นักบวชหญิง นักบวชชายถวายตัว ใช้ชีวิต ทำงานเพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้า ยิ่งจำเป็นที่พวกเขาต้องดูแลตัวเองด้วย” พระสันตะปาปาตรัส
5. พระสันตะปาปาทรงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเรื่องการให้อภัย โดยทรงเล่าประสบการณ์ส่วนพระองค์ว่า
“พ่อเป็นสงฆ์มา 55 ปีแล้ว และพ่อไม่เคยปฏิเสธการให้อภัยบาป”
พระองค์ทรงแนะนำสงฆ์ในการฟังแก้บาปว่า “อย่าถามคำถามมากเกินไป แต่จงฟังและให้อภัย ห้องแก้บาปไม่ใช่ห้องทรมาน”
6. พระสันตะปาปาทรงเตือนสงฆ์และนักบวชให้หลีกเลี่ยงการบ่น การนินทา และความอิจฉา
พระองค์ตรัสว่า “บิช็อปของท่านพูดบางสิ่งที่พ่อชอบมาก นั่นคือ มันสำคัญมากที่จะเปลี่ยนจาก ‘หนังสือคร่ำครวญ’ เป็น ‘หนังสือเพลงซาโลมอน’ เราทำสิ่งนี้น้อยเกินไป เราชอบการบ่น และถ้าเช้าวันนั้นบิช็อปผู้น่าสงสารลืมหมวก มันจะมีการนินทาว่า ‘ดูบิช็อปซิ ..’ เราหาอะไรมานินทาบิช็อป จริงๆ
แล้ว บิช็อปก็เป็นคนบาปเหมือนพวกเราทุกคน เราเป็นพี่น้องกัน … จงหยุดบ่น หยุดอิจฉากันเถิด”
7. พระสันตะปาปาเชิญชวนให้สงฆ์ทุกคน “แบ่งปันความชื่นชมยินดีของการเป็นศิษย์พระเยซู”
พระองค์ตรัสว่า “ความชื่นชมยินดีต้องแบ่งปัน มิฉะนั้น ที่ที่ควรเป็นของความชื่นชมยินดีจะกลายเป็นน้ำส้มสายชู ที่มันขมขื่นมาก”
8. พระสันตะปาปาทรงสรุปว่า “ขอให้พระเจ้าเปลี่ยนการคร่ำครวญของเราเป็นการเต้นรำ ประทานความรู้สึกขบขัน ความเรียบง่ายแบบพระวรสารให้เรา”
พร้อมทั้งทรงเตือนว่า “สงครามในชุมชนนักบวช สงครามในวัดคาทอลิกเป็นความพ่ายแพ้เสมอ”
หลังการให้โอวาทจบลง พระสันตะปาปาทรงนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ส่วนบ่ายวันนี้ พระองค์จะถวายมิสซาท่ามกลางผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก