ประสบการณ์ใหม่ของเยาวชนวัด
เมื่อช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมมาถึง ถ้าเป็นเมืองไทยเรา ก็จะเป็นฤดูค่าย มีทั้งค่ายของวัด ของโรงเรียน ขององค์กรต่างๆ นั่นก็เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่เด็กและเยาวชน จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กับกิจกรรมที่แต่ละกลุ่มองค์กรจัด ซึ่งพ่อแม่ก็เลือกได้ตามเห็นเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือน ปิดเทอมใหญ่หรือช่วงปิดระหว่างเทอมในเดือนตุลาคม
การปิดเทอมของเด็กๆ ที่ประเทศกัมพูชาส่วนใหญ่จะปิดในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน การเดินทางที่นี่ในฤดูฝนเป็นเรื่องลำบากและอันตรายนัก เพราะถนนหนทาง อยู่ในระหว่างการพัฒนาปรับปรุง อุดมไปด้วยหลุมโคลนและรถราที่ไม่มีระเบียบวินัยในการขับขี่ พอช่วงเปิดเรียน ก็จะเป็นช่วงน้ำหลาก ไม่มีฝน แต่น้ำจะเต็มหนองบึงบัวในที่ลุ่ม โดยเฉพาะรอบ ทะเลสาบ และเขตพื้นที่ติดแม่น้ำโขง ฝนจะตกน้อยลง แต่น้ำจะท่วมในที่ลุ่มเด็กๆ ยังพอไปเรียนได้ เพราะโรงเรียนส่วนใหญ่สร้างพ้นระดับน้ำ{besps}documents/frdenarticle/acticle19{/besps}
เด็กๆและเยาวชน เรียนรู้ตลอดเวลา แต่เด็กและเยาวชนที่กัมพูชาอาจพูดได้ว่า มักขาดการอบรม กิจกรรมต่างๆของพระศาสนจักร มากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ เป็นกิจกรรมเพื่อการอบรมเสียส่วนใหญ่ เพื่อช่วยเสริมส่วนที่โรงเรียนไม่สามารถให้ได้ เช่น การอบรมศีลธรรม การอบรมด้านศาสนา คุณธรรมต่างๆ เราต้องอดทนบ่อยๆ กับพฤติกรรมที่ไม่พึ่งปรารถนา เพราะการเลียนแบบสื่อที่ผิดๆ หรือตามตัวอย่างของผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องบางคน
ในเขตวัดของผมทางเหนือของพนมเปญได้ตัดสินใจจัดค่ายอบรมเด็กๆ ท่ามกลางข้อจำกัด ต่างๆ อย่างแรกก็คือ วัดเราไม่มีที่จัดกิจกรรม แต่เราแก้ปัญหาด้วยการใช้ดาดฟ้าของโรงเรียนอนุบาลของวัดและตามถนนในหมู่บ้านปีที่แล้วเราไม่ได้จัด เพราะกลุ่มเยาวชนพี่เลี้ยง ยังไม่สามัคคีกันดี แต่ปีนี้พวกเขาได้รับการเตรียมพร้อม ตั้งแต่ต้นปี มีการประชุมอบรมบทบาทหน้าที่ การแบ่งงาน ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกันเป็นทีม ฯลฯ ส่วนงบประมาณ ได้มาจากวัดส่วนหนึ่งและคณะพระหฤทัย คลองเตย ผ่านทาง ซ.สุพัตรา โสภณ ที่เป็นเหมือน แม่งานและผู้อำนวยการค่าย
เราจัดกันสำหรับเด็กๆ ที่อยู่ในชุมชนต่างๆ รอบเขตวัด ในรัศมี 10 กิโลเมตร เป็นเด็กเล็กๆครึ่งหนึ่ง และ 80%ในจำนวนนี้ไม่ใช่คาทอลิก! เราจัดกันสองคืน และให้เด็กๆ นอนที่โรงเรียนอนุบาลของวัด แม้ระหว่างการจัดจะพบอุปสรรคบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มพี่เลี้ยงซึ่งดูเหมือนจะเป็นค่าย อบรมเด็ก แต่เป็นกิจกรรมที่อบรมเยาวชนพี่เลี้ยง ให้มีภาวะการเป็นผู้นำด้วยเช่นกัน คือ ฝึกให้พวกเขา มีการวางแผน รู้จักรับผิดชอบกิจกรรม บางคนต้องได้รับการกระตุ้นตลอดเวลา
ตอนนี้เรามีบราเดอร์เณรของคณะธรรมทูตไทย คือ บร.ชัย(ชัยธวัช ธีรานุสนธิ์) และผู้สนใจคือ บร.คิน (อภิชาต นามวงษ์)มาอยู่ด้วย พวกเขาก็ได้เห็นประสบการณ์ใหม่ๆ การจัดค่ายในแบบที่ไม่เหมือนที่จัดในไทย แม้จะอยู่ในช่วงเรียนภาษา แต่บราเดอร์ก็เรียนรู้ที่จะช่วยทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
เยาวชนทีมสันทนาการ
อีกอาทิตย์ต่อมา พวกเยาวชนเหล่านี้ ก็มาช่วยเตรียมฉลองวัดอีก วัดของพวกเขา คือ วัดที่อยู่ ภายใต้การอุปถัมภ์ของน.มารีย์ มักดาเลนา เหตุว่าชุมชนวัดแห่งนี้ เคยเป็นเขตแหล่งโสเภณีมาก่อน…แม้ในกลุ่มเยาวชนเราบางคนก็มีมาจากครอบครัวที่เขตขายลูกมาก่อน…เราช่วยดึงพวกเขา มาร่วม กิจกรรมด้านชีวิตฝ่ายจิต มาช่วยวัดช่วยวา สำหรับการฉลองวัดครั้งแรกในปีนี้ด้วย
เยาวชนพี่เลี้ยงฝึกนำกลุ่ม
ซิสเตอร์สุพัตรา ได้แบ่งปันถึงความยากลำบากในการอบรมพวกเขาว่า สังคมและครอบครัว หลายครั้ง มีผลกระทบต่อพวกเขามาก อย่างเช่น พวกเรียนมัธยมปลาย มักไม่ค่อยมีเวลามาร่วมกิจกรรม เพราะต้องเรียนพิเศษมากขึ้น บางทีก็มาขอทุนการศึกษาที่วัด เด็กบางคนมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งใน ครอบครัว หรือระหว่างครอบครัวไม่ค่อยถูกกัน ก็มาร่วมกิจกรรมลำบาก บางคนมีปัญหาวัยรุ่นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ซิสเตอร์ก็ต้องค่อยให้สติ เตือนหรือแม้แต่ห้ามปรามในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ตึงไปก็ขาด หย่อน ไปก็หลวม บางทีก็ทำให้ทีมผู้ให้การอภิบาลปวดหัวเหมือนกัน ซิสเตอร์คลุกคลีกับกลุ่มเยาวชน ตั้งแต่ พวกเขายังเป็นเด็กคำสอน และรู้จักครอบครัวของพวกเขาดี แม้บางครั้งต้องเสียน้ำตากับความดื้อของ พวกเขาก็ตาม
เล่นกิจกรรมกลางหมู่บ้าน
การอภิบาลและการอบรมเยาวชน เป็นเรื่องท้าทายผู้ให้การอบรมและผู้อภิบาล ที่จะทำอย่างไร จึงสามารถดึงพลังของพวกเขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม ให้กับตัวเอง ชุมชนและวัดได้อย่างมากมาย ที่จริงทางมิสซังซึ่งมีหน่วยงานเยาวชน ได้จัดอบรมเยาวชนทุกสองเดือน ตามหัวข้อต่างๆ และผมก็ส่งไป ร่วมตลอด เพราะเห็นว่าเป็นการเปิดทัศนคติให้กับพวกเขา และให้พวกเขาได้กลับมาช่วยที่วัดอีกครั้ง แม้บางคนจะยังไม่ใช่คาทอลิกก็ตาม!
ซิสเตอร์สุพัตราอบรม
ที่นี่มักจะพูดกันว่า “เยาวชนเหมือนกับหน่อไม้ของต้นไผ่” หมายความว่า พวกเขาจะเป็นอนาคต ของสังคม ของวัด ของประเทศพวกเขา เราช่วยกันอบรม ก็เท่ากับกำลังวางรากฐานของอนาคตของ พระศาสนจักร ของสังคมที่นี่นั่นเอง ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นกิจการหนึ่ง ของงานธรรมทูต ไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ