ตอนที่ 1 ทุกอย่างอยู่ในแผนการของพระเจ้า
หากจะให้ผมเขียนบอกเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตธรรมทูต ประโยคคำพูดที่ผุดขึ้นมาคือ “ทุกอย่างอยู่ในแผนการณ์ของพระเจ้า”ผมมีความสนใจอยากเป็นธรรมทูต ตั้งแต่สมัยอยู่บ้านเณรใหญ่ ผมเคยไปสัมผัสชิวิตธรรมทูตในประเทศเขมร ตั้งแต่สมัยเป็นเณรปรัชญา เคยไปสัมผัสชีวิตธรรมทูต กับคุณพ่อ แกงตาร์ คณะสงฆ์ MEP. ที่ ตำบลท่าสองยาง อ. แม่สอด จ.ตาก อยู่หลายเดือน และเข้าร่วมประชุมกลุ่มสามเณรผู้สนใจเป็นธรรมทูต ทุกวันศุกร์ ในช่วงเป็นเณรเทววิทยา แต่ผมก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ เป็นต้น ยังไม่มั่นใจว่าเป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าหรือไม่
ครั้นบวชเป็นพระสงฆ์สังฆมณฑล ผมก็มีความพยายามที่จะทำพันธกิจแพร่ธรรม 360 องศา ดังคำพระสงฆ์รุ่นพี่หลายๆคนในสังฆมณฑลที่มักจะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ในทำนองที่ว่า“การมีจิตตารมณ์ ธรรมทูต ไม่จำเป็นต้องเข้าสังกัดคณะธรรมทูต และให้ถูกส่งไปทำงานยังต่างแดน เพราะในเขตมิซซังของเรา ก็มีสนามงานมิซชั่นมากมาย ถ้าเราคิดจะทำจริงๆ”
อย่างไรก็ดี ความปรารถนาลึกๆในใจก็ยังคงถูกบ่มเพาะและเติบโตอย่างเงียบๆหลายปี จนผมได้มีโอกาสไปแสวงบุญกับคณะทัวร์ไปประเทศลาว ในปีที่7 ของการเป็นพระสงฆ์ ได้มีโอกาสคุยกับคุณพ่ออนันต์ พระสงฆ์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ที่ไปช่วยคณะเซนต์ปอลเดร ชาวิตร เปิดงานมิชชั่นในประเทศลาวหลายปี ผมรู้สึกสงสารคุณพ่อที่อายุมากแล้ว แถมมีโรคประจำตัวหลายอย่าง แต่ก็ยังคงทำหน้าทีต่อไป เพราะไม่มีไครไปแทน และได้เห็นถึงความพยายามของท่านที่จะจัดตั้งกลุ่ม คริสตชน ท่ามกลางความยากลำบาก ของการขาดอิสรภาพในการนับถือศาสนา
ในปีต่อมาผมได้มีโอกาสไปแสวงบุญกับคนทัวร์เดิมที่ประเทศพม่า ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีเวลาให้ผมได้เผยแพร่ความศรัทธาภักดีต่อพระเมตตา ในประเทศพม่าด้วย ที่สุด ผมได้เผยแพร่พระเมตตา ให้กับกลุ่มคริสตชน ชาติพันธุ์ อาข่า ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง และเมื่อผมแสดงพระรูปพระเมตตาให้ชาวบ้านดู และถามว่า เคยเห็นภาพพระเยซูเจ้าในภาพลักษณ์พระเมตตาไหม คำตอบที่ได้คือ“ไม่เคยเห็น”ซึ่งเป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกสะดุดใจว่า “แท้จริงแล้วยังมีผู้คนอีกมากมาย เป็นต้น ชาวบ้านที่อยู่ตามเขาตามดอย ที่ยังไม่รู้จักพระเมตตา หรือยังไม่รู้จักพระเจ้าหรือยังไม่รู้จักพระเยซูคริสตเจ้า” ทั้งหมดทั้งมวลถูกจัดวาง เรียงราย และหล่อหลอม ภายใต้คำพูดประโยคเบื้องต้นที่ว่า “ทุกอย่างอยู่ในแผนการณ์ของพระเจ้า”