โอกาสครอบรอบ 25 ปีกลุ่มคริสตชนนักบุญยอแซฟ พนมเปญ ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีเตรียม ผมได้จัดแสวงบุญไปที่ไทย ที่สังฆมณฑลจันทบุรี ปีนี้ผมได้เลือกเส้นทาง ที่ไม่คิดว่าจะง่าย คือ “ประเทศลาว” พระศาสนจักรในประเทศนี้ ถือว่าอยู่ในระบบที่ยังควบคุม กิจกรรมต่างของ พระศาสนจักรอยู่ เป้าหมายของการมา คือ การแสวงบุญ การเยี่ยมเยียนดูงาน การมีชีวิตกลุ่ม ร่วมกัน ผมได้เตรียมการนี้มาหลายเดือนทีเดียว
{besps}documents/frdenarticle/article35{/besps}
ความที่คณะธรรมทูตไทย ได้มีสมาชิกทำงานอยู่ที่นั่น ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ผมสามารถ ติดต่อประสานได้ ขอบคุณคุณพ่อบุญธรรมที่เป็นผู้ประสานงานหลักที่นั่น เป้าหมายการเดินทางนี้ ผมจำกัดแค่สองมิสซังทางใต้ คือ มิสซังปากเซ และท่าแขก ในช่วงเวลาที่จำกัดคือ วันที่ 14-18 พฤษภาคม 2018 ด้วยระยะทางนับพันกิโลเมตร สมาชิกร่วมเดินทางส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการ ต่างๆ ของวัด กลุ่มองค์กรคาทอลิกต่างๆ เช่น กลุ่มเยาวชน พลมารีย์ นักขับร้อง ฯลฯ ซึ่งที่จริง ก็มากันไม่หมดหรอกคับ เพราะบางคนก็ติดธุระส่วนตัว แต่คริสตชนทั่วไปก็ร่วมทางไปด้วย ทำให้คณะการเดินทางครั้งนี้ใช้ถึงสองคันรถ มีพระสงฆ์สาม กับสัตบุรุษ 66 คน
วันแรกเราเดินทาง 600 กว่ากิโลเมตร เพื่อเดินทางไปถึงปากเซ เราแวะพักเยี่ยมวัด และภาวนาที่วัดกรอเจะ การข้ามแดนผ่านอย่างสะดวกด้วยสมเด็จสีหนุทรงช่วย บ้างก็ให้ประธา นาธิบดีลินคอร์นช่วย(5 $)… เราไปถึงปากเซประมาณหนึ่งทุ่ม ประทับใจที่วัดปากเซยังรอรับพวกเรา เราถวายมิสซาขอบคุณพระเจ้าและทานเย็นกันก่อนเข้าที่พัก
วันที่สอง เราเดินทางไปอีกกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อไปถึงมิสซังท่าแขก เราออกแต่เช้า และมาถึงตอนบ่ายๆ ก็ไปแวะเยี่ยมบ้านคณะซิสเตอร์เมตตาธรรม(Charity) ซิสเตอร์ยายดีใจที่เรามา เยี่ยมพวกท่าน เราไปแวะเยี่ยมวัดแม่พระที่ซิสเตอร์ซาเลเซียนจากเวียดนามดูแล และมาถึงอาสน วิหาร น.หลุยส์ ได้ไปเยี่ยมซิสเตอร์คณะรักกางเขน และพบกับพระคุณเจ้าและคณะสงฆ์ของมิสซัง ท่าแขก พระคุณเจ้าแบ่งปันการงานที่นี่ให้เราฟัง และทานอาหารร่วมกัน ขอบคุณพระคุณเจ้า ที่รับรองอาหารและที่พักให้กับพวกเรา
วันที่สาม เราถวายมิสซาเช้าร่วมกันพร้อมกับพระคุณเจ้า และคณะสงฆ์ จากนั้นก็ไปเยี่ยม บ้านเณรใหญ่ คุณพ่อไวพจน์ ผู้ช่วยบ้านเณรใหญ่บรรยายงานอบรม ปัจจุบันมีเณรใหญ่ประมาณ 12 คน หลังจากอาหารเช้า เราก็ไปภาวนากับแม่พระ อำลาพระคุณเจ้าด้วยความยินดีปรีดาเต็มเปี่ยม การเดินทางวันนี้ จะเป็นวันที่เราได้เห็นบรรยากาศตามวัดต่างๆ ในเขตสาหวันนะเขต เรามาถึง วัดแม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ชาวบ้านมาต้อนรับด้วยความดีใจ หลังจากภาวนา แล้วก็เดินทางต่อไปถึงวัดใหญ่ แห่งหนึ่งในเขต คือ วัดน.ฟรังซิส อัสซีซี บ้านดงหมายแง้ว
ชาวบ้านมายืนต้อนรับ อย่างอบอุ่น แม้ภาษาเราจะไม่เข้าใจ กันก็ตาม แต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทำให้เราทราบถึงความพร้อมต้อนรับของพวกเขา คุณพ่อติ่ง รับผิดชอบแห่งนี้ นำถวายมิสซา หลังมิสซา ชาวบ้านน้ำใจดีจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับพวกเราชาว กัมพูชา ซึ่งรับรองว่า ไม่เคยมีใครมีประสบการณ์นี้เป็นแน่แท้ บรรยากาสเต็มเปี่ยมไปด้วย ความอบอุ่นและ ความรักแบบ คริสตชน ปิดท้ายด้วยการชมการเซิ้ง การฟ้อนของเด็กๆ และเยาวชน ที่นี่วัดแห่งนี้ มีแดนซ์ย่อย อาหารปิดท้าย คุณพ่อติ่งบอกว่า พวกเขาเตรียมด้วยใจจริงๆ
เรามาแวะกลุ่มคริสตชนตามทางอีกแห่งหนึ่งคือ วัดแม่พระเมืองลูร์ด เมืองเซโน ซึ่งเป็นบ้าน เกิดของคุณพ่อสุกพาพอน อธิการบ้านเณรใหญ่ วัดนี้ได้ชื่อตามอักษรตัวแรกของทิศทั้งสี่(ลองเดาเอา เองนะครับ)เกิดขึ้นในสมัยอาณานิคมฝรั่งเศส สัตบุรุษเลี้ยงรับรองอาหารว่างเราอีก เรารู้ว่า วัดแห่งนี้ เกิดจากครอบครัวชาวเวียดนาม และรูปแม่พระเมืองลูร์ด ก็มีคนขอพรได้อยู่เรื่อยๆ
ปิดท้ายของการเดินทางวันนี้ที่วัดนักบุญเทเรซา สาหวันนะเขด เป็นวัดเก่าก่อนปฏิวัติ อายุประมาณ 80 กว่าปี กรรมการวัดมาแบ่งปันความเชื่อ การกลับใจที่มาจากตัวอย่างของคริสตัง คุณพ่อติ่งเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ ซึ่งเหมือนกับศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่ง เพราะจากที่นี่ ทำให้มีหนังสือเพลงในพิธีกรรม และบทเรียนคำสอนสำหรับพระศาสนจักรในประเทศลาว มีการ ตีพิมพ์หนังสือคำสอนต่างๆ เป็นภาษาลาว โดยได้รับความช่วยเหลือจากคุณพ่อพรซาหวัน ช่วยตรวจ แปลและพิมพ์ จนกระทั่งคุณพ่อได้เสีย ชีวิตไปสองสามปีก่อน ทำให้งานติดขัดพอสมควร
คุณพ่อติ่ง บอกให้เรามีความเชื่อ และความรัก คนของรัฐพยายามให้ชาติเป็นหนึ่งเดียว แต่คุณธรรมที่เขาพบในพระศาสนจักรที่เขายังไม่มีคือ “ความรัก” พ่อติ่งปัจจุบันดูแล 40 วัด ด้วยอายุ 80 ปีแล้วในปีนี้ ข้าวที่รอเกี่ยวมีมากจนบางรวงก็ร่วงหล่นพื้นไปแล้ว เพราะขาดคนเกี่ยว เราจึงได้แต่ภาวนาให้พระศาสนจักรในเมืองลาวได้มีคนงานมากขึ้นในทุ่งนาของพระองค์
วันที่สี่ของการเดินทาง มิสซาเช้าแล้ว เราขอบคุณคุณพ่อติ่ง คุณพ่อสุกที่ขับรถมาส่ง พวกเราจากซาหวันนาเขตอย่างอาลัย เมื่อมาถึงเมืองปากเซ เราก็ใช้โอกาสสั้นๆ ทานอาหารเที่ยง ในตลาดและซื้อของที่ตลาดใหม่ปากเซ จากนั้นก็ไปแวะน้ำตก “ผาส้วม” พร้อมฝนปรอยๆ เป็นรายการทริปเที่ยวแห่งเดียวที่เรามี
เรากลับมาที่วัดพระหฤทัย ปากเซ ซึ่งคุณพ่ออดุลย์ และน้องเณรมาต้อนรับเราเหมือนเคย เราไปเยี่ยมบ้านเด็กของซิสเตอร์คณะเมตตาธรรม และมาฟังคุณพ่ออังตวน อดุลย์ เจ้าอาวาส และ อธิการบ้านเณรแบ่งปันงานที่นี่ ปัจจุบันมี 12 คน ซึ่งผลจากการเปิดบ้านเณรกลาง ทำให้มีพระสงฆ์ ของลาวมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเณรของมิสซังปากเซ บราเดอร์ที่นี่บางคนก็มีประสบการณ์น่าชม ในการทำงานคำสอนตามวัด เพราะมีสองคนเคยถูกจับเข้าคุก บ้างสามเดือน บ้างหกเดือน เพราะเข้าไปสอนคำสอนในหมู่บ้าน สรุป…การทำกิจกรรมใหญ่ๆ ต้องขออนุญาตเสมอ เรารวมกัน ทำบุญช่วยมิสซัง ไปบ้างตามความสามารถ
วันสุดท้ายของการเดินทาง ออกจากปากเซแต่เช้า รถบัสคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุ แต่ก็แก้ไข ผ่านพ้นไปด้วยดี เราข้ามแดนพร้อมคำภาวนาตลอดทาง และถวายบูชาขอบพระคุณที่วัดน.ยอห์น จ.สตึงแตรง คุณพ่ออีวานและซ.สุขนี (คณะรักกางเขน กำปงจามที่เพิ่งถวายตัวตลอดชีพเมื่อ 3/5/2018) มาให้การต้อนรับอย่างดี และมาแวะพักรถอีกรอบ ที่วัดใน จ.กรอเจะ ซ.ยายเซเวียร์ และคพ.ดาเนียล ให้การรับรองอย่างดี จนมาถึงพนมเปญประมาณสี่ทุ่มโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง ความเหน็ดเหนื่อย ความสุขความยินดี ประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับคริตชนหลายคนจากพนมเปญ ที่ไม่เคยมีโอกาสแบบนี้ พวกเราทุกคน ขอภาวนาให้กับ พระศาสนจักรในประเทศลาว ที่กำลังประกาศข่าวดีอย่างสุดความสามารถ