การประชุมคณะธรรมทูตไทย ประจำปี 2013
สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน ฉบับนี้ขอรายงานเกี่ยวกับ ความก้าวหน้าของ คณะธรรมทูตไทย ซึ่งเป็นของพระศาสนจักรไทยเราทุกคน ก่อนสิ่งอื่นใด ต้องขอขอบ พระคุณบรรดาพระสังฆราช โดยเฉพาะพระคุณเจ้าชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ซึ่งดูแลกิจการงานธรรมทูต ที่สนับสนุนให้มีการรณรงค์เงินทาน วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2013 ที่ผ่านมา ทำให้ผมคิดถึง ในยุคสมัยพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 15 ที่ตั้งสมณกระทรวงประกาศพระวรสารฯ(1622) เพราะความพยายามลดการพึ่งพาการประกาศพระวรสารในดินแดนใหม่ ผ่านทางประเทศ โปรตุเกสและสเปน นับว่าเป็นเหมือนกับการตัดท่อน้ำเลี้ยงสำหรับงานธรรมทูตเลยทีเดียว มีความพยายามรณรงค์ตั้งกองทุนในระยะแรก แต่ความสำเร็จจากความร่วมมือ กลับเกิดผล ในอีกสองร้อยปีต่อมา เมื่อมีสมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม(Pontifical Mission Society-1822) ที่เกิดขึ้นจากประเทศฝรั่งเศส
การแพร่ธรรมในประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากประเทศคริสตังในยุโรปในระยะ แรก แต่เมื่อถึงเมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราก็ควรจะช่วยเหลือตัวเอง ซึ่งการรณรงค์เมื่อเดือนที่ ผ่านมา ก็แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ และการเติบโตของพระศาสนจักรไทย ผ่านทางน้ำใจที่ออก มาจากความเชื่อของพี่น้องสัตบุรุษ และองค์กรคาทอลิกต่างๆทั่วประเทศ ที่สนับสนุน การประกาศพระวรสารในนามของพระศาสนจักรไทย เพราะคณะธรรมทูต ก่อตั้งจากเรา คาทอลิกทุกคน ผ่านทางสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย
องค์ กรแพร่ธรรมที่เรียกว่า คณะธรรมทูตไทย นี้ ไม่สามารถดำเนินงานได้ ถ้าไม่ออกมา จากความเชื่อ ในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เราก็จะเห็นว่า มีหลายช่วงที่เราขาดทั้งคนทำงาน และได้รับการสนับสนุนเพียงเล็กน้อย ขอบคุณพระเป็นเจ้า ที่ให้เราผ่านประสบการณ์แห่งการ ทดลองนั้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการท้าทายอีกหลายๆ อย่างที่รอเราอยู่ข้างหน้า
การประชุมประจำปีนี้ ผมได้รับรายงานการประชุมและการเข้าเงียบถึง 59 หน้า ที่เป็นเหมือนกำลังใจและความหวัง เราเรียนรู้จากความผิดพลาด ความท้อแท้ และหมดแรง สิ้นหวัง แต่พระเป็นเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเรา เพราะเราไปในนามของพระเป็นเจ้า คณะธรรมทูตเอง ก็ไม่ได้ตั้งใจอยู่เพื่อหล่อเลี้ยงตัวเอง แต่ธรรมชาติของการเป็น “สมาคมสาธารณะ” ต้องแสดง ออกถึงลักษณะของการเป็นของส่วนรวม นั่นคือ กระทำกิจการในนามของพระศาสนจักรไทย
เราเริ่มสองสามวันแรก ด้วยการรายงานของเขตแพร่ธรรมต่างๆ การลงมติ และขอ ความเห็นในเรื่องต่างๆ ปิดการประชุมด้วยมิสซา ซึ่ง พระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระสังฆราชของคณะฯ ได้มาเป็นประธานในมิสซา และวันชุมนุมครอบครัวธรรมทูต ซึ่งโอกาสนี้ พี่น้องกลุ่มฆราวาสประกาศพระวรสารประจำวัด(PMG) ได้มาร่วมแบ่งปันและเสริมสร้าง จิตตารมย์ร่วมกัน น่าประทับใจที่หลายๆคน ที่นอกจากจะพยายามใช้ชีวิตเป็นพยานในที่ตนอยู่ ก็ยังจัดเวลาไปช่วยงานในพื้นที่งานธรรมทูตด้วย เราได้ถือโอกาสนี้ขอบคุณ ซิสเตอร์เวโรนีกา และซิสเตอร์เบอร์นาร์ด จากคณะพระกุมารเยซู ที่เป็นสมาชิกร่วมงานกับคณะเกือบยี่สิบปี หลังจากหมดสัญญาร่วมงานเมื่อปีที่แล้ว ก็กลับไปทำงานในคณะตนเองต่อ
จากนั้นเราใช้อีกสองสามวันในการเข้าเงียบ โดยได้รับการเติมพลัง การกระตุ้นเตือนถึง จุดมุ่งหมายของกระแสเรียก และชีวิตการเป็นธรรมทูต ผ่านทางพระคุณเจ้าสิริพงษ์ จรัสศรี ความเชื่อในพระเยซูเจ้าเท่านั้น ที่ผลักดันเราให้ทำพันธกิจต่างๆได้ ไม่ใช่เพื่อสร้าง อาณาจักรตัวเอง แต่เพื่ออาณาจักรพระเจ้า พระคุณเจ้าให้ข้อคิดเรามากมาย และอักษรสามตัว สุดท้ายที่ทิ้งไว้คือ PMS (Prayers, Mission, Salvation)
ผมขอสรุปกิจการธรรมทูตของคณะ คร่าวๆเพื่อให้พี่น้องทราบดังนี้ครับ
– สมาชิกจำนวนล่าสุด(ต้นปี 2013) ของคณะในปีนี้คือ พระสงฆ์ต่างประเทศ 1 องค์(อธิการสูงสุด), สมาชิกพระสงฆ์ไทย 13 องค์, สมาชิกร่วมงานที่เป็นพระสงฆ์ 3 องค์, สังฆานุกร 2 องค์, สามเณร 5 ท่าน, สมาชิกร่วมงาน 10 ท่าน (จาก 5 คณะนักบวชหญิง)
– เขตการแพร่ธรรมของเราตอนนี้มี 4 เขต(เชียงของ,เวียงแก่น,แม่สาย,แม่จัน)ในแขวง ประเทศไทย และใน 3 มิสซัง(พนมเปญ, บัดตำบอง และกัมปงจาม)ในแขวงกัมพูชา หลังจาก ประชุม เราได้เตรียมตัวจะเปิดเขตงานใหม่ในประเทศลาว ซึ่งจะเตรียมตัวบุคคลากรไปจนกระทั่ง ปีเปิดสมาคมอาเซียน และเตรียมเขตงานใหม่ในจังหวัดพะเยา
– ในปีนี้จะมีพระสงฆ์ใหม่อีก 1 องค์ เตรียมทำงานในเขตงานใหม่ และรับสามเณรใหญ่ เพิ่มหนึ่งท่าน โดยให้ฝึกจิตตารมย์ในคณะฯก่อนสองปี นอกจากนี้ จะมีซิสเตอร์คณะโปรวิเดนซ์ 4 ท่าน จะมาช่วยงานในเขตเชียงแสน
– เนื่องจากสมาชิกเริ่มมากขึ้น การทำงานแบบหมู่คณะ ต้องช่วยกันการเสริมสร้าง กระแสเรียกและจิตตารมย์ จึงให้มีการสวดภาวนาร่วมกันทุกวันในหมู่คณะของแต่ละเขต และมี การประชุมเข้าเงียบแขวงกันเอง อย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง นอกจากนั้น ให้วางแผนการ ประชุมเฉพาะเรื่องงานแพร่ธรรม ทุกเดือนในแต่ละเขต
– ให้สมาชิกทุกคน มีส่วนร่วมในการหาเงินทุน เพื่อสนับสนุนงานแพร่ธรรมของคณะฯ ในส่วนรวม โดยเริ่มจากแนวทางปฏิบัติจากการ ให้ตัดสองเปอร์เซนต์ จากเงินประจำเดือน, เงินเข้าศูนย์ และเงินบริจาคจากที่ต่างๆ เข้าส่วนกลาง ส่วนสมาชิกร่วมงาน ให้ทำตามความ สมัครใจ
– เตรียมโครงสร้างสำหรับงานสนับสนุนครูคำสอน เพื่อช่วยงานตามเขตแพร่ธรรมต่างๆ
– แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านการเงินและผู้รับผิดชอบด้านสื่อสารมวลชน ฯลฯ
เรายังมีเรื่องท้าทายอีกมากในงานประกาศพระวรสาร แต่ความเชื่อ ความหวัง และ ความรักในพระคริสตเจ้าเท่านั้น ที่ผลักดันเรา พวกเราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ส่วนพี่น้อง ให้เราช่วยกันเต็มที่ ในกิจการดีนี้ เพื่อพระนามของพระองค์จะเป็นที่สักการะ
…ท่านทั้งหลาย จงออกไปและสอนแก่ชนทุกชาติ …Untes Docete Omnes Gentes…