พระศาสนจักรในประเทศเวียดนาม
ประเทศเวียดนามได้ปรับตัวอย่างมากสำหรับการเตรียมเข้าสู่อาเซียน สิ่งหนึ่งที่ได้มีการปรับ อย่างเห็นได้ชัดคือ ทัศนะคติเกี่ยวกับศาสนาที่ประชาชนนับถือ โดยเฉพาะกับพระศาสนจักรคาทอลิก ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมพระศาสนจักรคาทอลิกในศูนย์กลางเมืองหลวงของประเทศคือ กรุงฮานอย ซึ่งอยู่ ทางเหนือประเทศเวียดนาม{besps}documents/frdenarticle/acticle28{/besps}
พระศาสนจักรที่นี่มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่มาก เพราะลักษณะของประเทศคอมมิวนิสต์ สิ่งที่เราได้ ยินได้ฟังมา ทำให้นึกถึงการจำกัดเสรีภาพในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการในด้านศาสนา ผมกับพระสงฆ์ใน เขตวัดพนมเปญที่อยู่ร่วมกันมีพ่อบรูโน พ่อกุสตาโว และสังฆนุกรสุขณา ได้มีโอกาสไปสัมผัสพระ ศาสนจักรที่นั่นในช่วงต้นปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีคุณพ่อยอแซฟ ที่ทำงานในบ้านเณรมาให้ การต้อนรับ พวกเราได้พักอยู่ในบ้านเณร และได้มีโอกาสแบ่งปันชีวิตและงานธรรมทูตในพระศาสนจักร ที่กัมพูชา ให้กับเณรเทววิทยาได้ฟัง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นเวลาที่ทำให้เรารู้สึกความเป็น พระศาสนจักรพี่น้องกัน
อาสนวิหารสังฆมณฑลฮานอย
ในด้านการอบรม และเตรียมตัวพระสงฆ์สังฆมณฑล ที่อัครสังฆมณฑลฮานอย และอีกสองสามสังฆมณฑลรอบๆ ได้ตั้งบ้านเณรใหญ่ขึ้นชื่อนักบุญยอแซฟแต่เดิมจะอยู่ร่วมกันที่ใกล้บ้านพระสังฆราชในตัวเมืองฮานอย แต่เนื่องจากความแออัดของเณร ก็เลยจำเป็นต้องย้ายออกมาที่ชานเมือง โดยแบ่งเอาชั้นเทววิทยา ออกมาเรียนข้างนอกเมือง ปัจจุบัน (ปี 2015) บ้านเณรใหญ่แห่งนี้ รับเณรจากเจ็ด สังฆมณฑล มีเณรชั้นเทววิทยา 171 คนส่วนชั้นปรัชญายังอยู่ที่เดิมใกล้บ้านพระสังฆราช มีจำนวน 148 คน(ที่กัมพูชามีเณรทั้งประเทศ 8 คน) ซึ่งจากคำบอกเล่าของพระสงฆ์ที่นี่ มาตราการทางรัฐในผ่อนคลาย ลงประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา แต่เดิมมีจำกัดจำนวนพระสงฆ์บวชใหม่ และจำนวนเณร คือรับได้แค่ 10 คนต่อปี แต่ปัจจุบัน พระศาสนจักรต้องจำกัดจำนวนเณร เพราะไม่มีที่รองรับ ซึ่งปีนี้มีเณรอยู่ในช่วงเตรียมตัวเข้าบ้านเณรใหญ่อีก 48 คนที่กำลังเตรียมตัวอยู่ตามวัดต่างๆ
บ้านพักพระอัครสังฆราช
พระศาสนจักรในเวียดนามช่วงปี1960-1990ไม่มีพระสงฆ์บวชใหม่เลยโดยเฉพาะในปี 1970 ซึ่งเป็นช่วงเกือบท้ายสงครามเวียดนามคาทอลิกสองในสาม จากทางเหนือ ได้ย้ายไปอยู่ทางใต้ ซึ่งทำให้จำนวนคาทอลิกลดลงอย่างมากในทางเหนือ แต่กระนั้นก็ตาม หลังจากสิ้นสุดสงคราม ชาวคาทอลิกเวียดนามยังคงรักษาความเชื่อ ตามสภาพพื้นที่ บางแห่งเคร่งครัด บางแห่งอนุโลม บ้านของคุณพ่อยอแซฟ ที่พ่อได้พาไป เป็นหมู่บ้านคาทอลิกร้อยเปอร์เซนต์ เราได้ร่วมถวายมิสซา กับพระสงฆ์หนุ่มท่านหนึ่งและสัตบุรุษในวันธรรมดาวันนั้นก็เต็มวัด คือสองร้อยกว่าคน
แม้ทางรัฐบาลจะให้เสรีภาพทางศาสนามากขึ้น แต่ก็มีวิธีติดตาม โดยเฉพาะกิจกรรมที่อาจจะ ขัดกับการเมือง ซึ่งอาจจะปรากฎบ้างในบางแห่ง แต่นับว่าความสัมพันธ์ได้พัฒนาในทางที่ดีขึ้นมาก แม้จะยังไม่มีการติดต่อสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่พระสมณทูตที่พำนักอยู่ที่อินโดนีเซีย ก็อาจมาเยี่ยมเยี่ยนได้ทุกเวลา เพียงแต่แจ้งล่วงหน้าเท่านั้น
ปัจจุบันเฉพาะที่อัครสังมณฑลฮานอย มีวัดอยู่ประมาณพันแห่ง มีพระสงฆ์สังฆมณฑลอยู่ ประมาณ 141 องค์ยังไม่รวมพระสงฆ์นักบวช เนื่องจากประชากรเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ มีพื้นที่ในการก่อสร้างวัด เป็นไปแบบจำกัด บางครั้งต้องสร้างสองชั้นในเขตเมือง ส่วนวัดที่หลงเหลือจาก สมัยมิชชันารีก็ยังถูกคงรักษาไว้ ไม่ทำลาย แต่ส่วนใหญ่ภายนอกดูเก่า ไม่มีการทาสีหรือบูรณะ ซึ่งนั่น หมายถึงการขออนุญาตและค่าใช้จ่ายที่สูง
วันที่ผมได้ทานอาหารในหมู่บ้านคาทอลิก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบท ที่ทำนาและเหล้าเอง โต๊ะอาหาร เต็มไปด้วยอาหาร โดยเจ้าบ้านและบรรดาผู้ชายเท่านั้นที่มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา ส่วนผู้หญิงและเด็ก ทานที่อื่นหรือหลังจากแขกกลับ และคริสตังใหม่ ส่วนใหญ่มาจากการแต่งงานกับคาทอลิก เวลาที่ผม เดินกลับมาที่วัด ยังได้ยินเสียงสวดภาวนาในครอบครัว โดยเฉพาะเสียงเด็กๆ นี่เป็นเครื่องหมายที่เรา อาจจะขาดหายไปนานในพระศาสนจักรบ้านเรา
วัดมรณสักขี
ปัจจุบันประเทศเวียดนามกำลังพัฒนาประเทศ และเร็วกว่ากัมพูชามาก พระศาสนจักรคาทอลิก กำลัง เผชิญการท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนกับอดีตจากระบบการปกครอง แต่เป็นจากการพัฒนาประเทศ มีชาวเวียดนามไม่น้อย ที่ออกไปทำงานในต่างประเทศเพื่อหางานทำที่ดีกว่า คาทอลิกในหลายแห่ง โดยเฉพาะในเมือง กำลังเผชิญกับโลกาภิวัฒน์ และมีการโยกย้ายชาวชนบทมาอยู่ในเมืองมากขึ้น พระศาสนจักรในเวียดนามเองก็กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อไม่เพียงแต่รักษาความเชื่อ แต่พยายามแบ่ง ปันความเชื่อนั้นออกไปเช่นกัน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีศาสนาซึ่งมีมากขึ้น
คณะธรรมทูตไทย กำลังวางแผนไปทำงานกับชาวโม้งในเขตทางเหนือของประเทศ ซึ่งถ้าเป็น พระประสงค์ของพระองค์ เราอาจจะส่งพระสงฆ์สมาชิกเราไปทำงานที่นั้นก็ได้ในอนาคต
บ้านเณรใหญ่แห่งฮานอย
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมา ที่บ้านเณรยอแซฟสามพราม ในโอกาสฉลอง 50 ปีสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ และ เปิดปีฉลอง 25 ปี คณะธรรมทูตไทย คณะธรรมทูตไทยของเราได้พระสงฆ์ใหม่อีกองค์หนึ่งคือ คุณพ่อกรณ์ อดิเรกวุฒิกุล ก็ขอฝากพระสงฆ์ใหม่ และคณะธรรมทูต ไว้กับพี่น้อง สำหรับงานประกาศพระวรสารสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักพระองค์ด้วยนะครับ