วันแห่งประวัติศาสตร์ของคณะธรรมทูตไทย
พี่น้องที่รักครับ พระพรแห่งกระแสเรียกการเป็นธรรมทูต เป็นพระพรพิเศษ ย้อนกลับไปปี 1986 ซึ่งพระศาสนจักรไทยในเวลานั้น ได้รับแรงดลใจจากพระจิตเจ้าอย่างมาก ผ่านทางสภาพระสังฆราชคาทอลิก ในเวลานั้น ได้มีความคิดที่จะก่อตั้งกลุ่มพระสงฆ์นักบวชและฆราวาส ที่สมัครใจอย่างพิเศษเป็นธรรมทูตอย่างเต็มเวลา โดยเฉพาะสภาพการณ์ที่เรียกร้องในเวลานั้นที่มีพี่น้องชาติพันธุ์กลับใจเป็นจำนวนมาก หลังประชุม และปรึกษาหารือกันมาหลายปี ที่สุด ความตั้งใจซึ่งได้รับความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าก็เป็นจริง เมื่อ คพ.อนุรักษ์ ประจงกิจ พระสงฆ์จากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ คนแรก ได้สมัครเข้าทำงานธรรมทูตนี้ ในปี 1990 นั่น ทำให้คณะธรรมทูตไทยได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแท้จริง
การเดินทางในช่วงหลายสิบปีแรกๆ สภาพระสังฆราชฯ ได้มอบหมายพระคุณเจ้า บรรจง อารีพรรค เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบกลุ่มองค์กรใหม่นี้ โดยมีธรรมทูตอีกสองท่านช่วยกันส่งเสริม คือ คพ.มารีย์ยัง ดังโตแนล และคพ.อาดรีอาโน เปโลซิน เราเดินทางกันแบบลุ่มๆดอนๆ ยังไม่มีระเบียบวินัยซับซ้อนมากมายรองรับ ช่วงก่อนขึ้นพันปีใหม่ หรือช่วงยุค 90 คพ.ดังโตแนล ซึ่งเป็นอธิการคณะฯในเวลานั้น ได้ร่างธรรมนูญของคณะฯไม่กี่แผ่น แต่ก็เริ่มมีเอกสารแนวทางในการบริหารคณะฯอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งคุณพ่อได้พ้นตำแหน่ง ด้วยภาระหน้าที่อื่นมากมายและสุขภาพของคุณพ่อ
ในช่วงนั้นเริ่มปีสหัสวรรษใหม่(หลังปี 2000) ก็เป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายอธิการคณะฯ ครั้งแรก เวลานั้น สภาพระสังฆราชฯ ผ่านทางพระคุณเจ้าหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ผู้รับผิดชอบ ได้แต่งตั้ง คพ.อาดรีอาโน มารับช่วงเป็นอธิการต่อ คุณพ่อได้เตรียมธรรมนูญใหม่ของคณะ โดยรับแบบอย่างจากคณะปีเมมาปรับใช้ เพราะมีธรรมชาติของชีวิตผู้แพร่ธรรม(Apostolic Life)คล้ายๆ กัน และได้เตรียมความพร้อมสมาชิกได้ไตร่ตรองก่อน ซึ่งในเวลานั้นได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น สิบกว่าท่านแล้ว
การทดลองใช้ธรรมนูญครั้งแรก คือ การเปิดสมัชชาสามัญ(General Assembly) ครั้งแรกในระหว่างวันที่ 17-25 มกราคม 2011(2554) ในช่วงนั้นได้เลือก “อธิการเจ้าคณะฯ” ตามธรรมนูญครั้งแรก(19/01/2011) คือ คพ.อาดรีอาโน เปโลซิน โดยมีวาระ 6 ปี ด้วยความเอาใจใส่ของสภาพระสังฆราชฯ และเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายพระศาสนจักร พระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ได้รับคณะฯ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ภายใต้สิทธิของสังฆมณฑล(Diocesan Right) โดยรับเป็น “สมาคมสาธารณะของสมณะ” เมื่อวันที่ 12 มกราม 2011
พัฒนาการของพวกเรา คือ พวกเราสามารถร่วมเดินทางด้วยกันในความหลากหลาย แม้จะมีความคิดเห็นและรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกัน แต่เรามีจุดหมายเดียวกัน คือ “การประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์” จนมาถึง สมัชชาสามัญครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 9-23 มกราคม 2017 ซึ่งผลการเลือกตั้งอธิการเจ้าคณะ ก็ยังตกลงมาที่ คพ.อาดรีอาโน เป็นสมัยที่สอง ในวาระอีก 6 ปี ซึ่ง คุณพ่อได้พยายามส่งเสริมสร้างความก้าวหน้าของคณะฯเช่น การเปิดงานใหม่ที่ประเทศไต้หวัน, การรับผู้สนใจที่เป็นคนต่างชาติ, ได้ประสบกับประสบการณ์อันน่าเจ็บปวดของสมาชิก ฯลฯ ซึ่งพวกเราสมาชิกในคณะฯ ต้อง ขอขอบคุณพระเจ้า ที่ได้ให้คุณพ่อมาช่วยเราในช่วงก่อร่างสร้างตัว
บัดนี้ประวัติศาสตร์ของคณะฯ ต้องจดจำกับความเติบโตอีกขั้นหนึ่งที่เกิดขึ้นใน สมัชชาสามัญ ครั้งที่สาม(18-28 ม.ค. 2023) ที่เราได้มีการเลือกตั้งอธิการเจ้าคณะฯคนใหม่ เป็นคนไทยคนแรก (22/01/23) คือ คพ.เปาโล ไตรรงค์ มุลตรี และเราได้พิจารณาธรรมนูญ เพื่อปรับให้สอดคล้องกับสภาพของคณะฯ เพื่อให้สอดคล้องกับ สมาชิกคนไทยซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 20 ท่าน หลังจากการเลือกตั้ง เราได้คณะกรรมาธิการสูงสุดของคณะธรรมทูตไทย สำหรับวาระ 5 ปี 2023-2027 ได้แก่
1. คุณพ่อ เปาโล ไตรรงค์ มุลตรี อธิการเจ้าคณะฯ
2. คุณพ่อ ยอห์นบัปติสต์ วีระชัย ศรีประมงค์ ที่ปรึกษาที่ 1 และรองอธิการเจ้าคณะฯ
3. คุณพ่อ เปาโล ชัชชัย รวมอร่าม ที่ปรึกษาที่ 2 และเลขาธิการสูงสุด
4. คุณพ่อ เปโตร วิบูรณ์ ลิขิตธรรม ที่ปรึกษาที่ 3 และเหรัญญิกสูงสุด
5. คุณพ่อ ยอแซฟ ยุทธนา วิทยานุลักษณ์ ที่ปรึกษาที่ 4
การปรับเปลี่ยนหลังจากนี้ ก็คงจะมีเรื่อง การสรรหาอธิการบ้านเณรใหญ่ของคณะฯ, การปรับเปลี่ยนสมาชิกที่ทำงานที่ไต้หวัน, และในช่วงกลางปี อาจจะมีการบวชพระสงฆ์ใหม่ ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนสมาชิกคณะฯทางภาคเหนือ และการเตรียมส่งสมาชิก ไปเสริมงานที่ประเทศกัมพูชา
กิจกรรมอื่นๆ นอกจากการเลือกตั้งนี้ คือ ช่วงการเข้าเงียบประจำปีปีนี้ พระคุณเจ้าวีระเดช ใจเสรี ได้แนะนำทางวิญญาณให้กับพวกเรา ส่งเสริมจิตตารมณ์ธรรมทูตให้พวกเรา คำหนึ่งที่พระคุณเจ้าได้เดือนเราว่า “เราถูกส่งไป ไม่ใช่เพื่อพันธกิจของพระคริสต์ แต่เราถูกส่งไปเพื่อพระองค์” เพราะพระองค์เป็นต้นกำเนิดของพันธกิจทั้งหลาย… พวกเราขอขอบพระคุณพระคุณเจ้าทุกท่าน ที่เดินทางมาแสนไกล เพื่อมาถวายมิสซา และให้ข้อคิดกับพวกเราสมาชิก นี่เป็นเครื่องหมายว่า พวกเราเป็นผลงานของสภาพระสังฆราชฯอย่างแท้จริง พวกเราได้มีโอกาสพักผ่อนร่วมกันนิดหน่อยกับน้องเณร ที่ฮิราจูกุ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆวัดแม่พระเหรียญอัศจรรย์ ตอนเย็น มีทานอาหาร นั่งคุยแบ่งปันร้องเพลงร่วมกัน… วันสุดท้าย พวกเราได้ถวายพิธีบูชาขอบพระคุณพระเป็นเจ้า ร่วมแสดงความยินดีกับพ่ออาดรีอาโน ในโอกาสครบรอบการบวชเป็นพระสงฆ์ 50 ปี โดยได้รับเกียรติจาก มงซินญอร์ ดาเนียล ทูมิล(Daniel Tumiel) เลขาฯสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย ได้มาร่วมแสดงความยินดีด้วย… อย่างไรก็ตาม คุณพ่ออาดรีอาโน จะยังคงเป็นเหมือนพี่เลี้ยงให้กับคณะฯต่อไป แม้จะหมดสถานภาพอธิการ เพราะประสบการณ์ แบบอย่างและจิตตารมณ์ในการรับใช้พระคริสต์ของคุณพ่อ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราเสมอ
ผมกลับมากัมพูชาอีกครั้งด้วยใจขอบพระคุณพระจิตเจ้า ที่ได้นำทางคณะฯ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งผมได้กลับมาสานต่อพันธกิจของพระองค์อีกครั้ง ในกัมพูชา… ไม่ว่าจะเป็นงานสร้างอาสนวิหาร งานสร้างกลุ่มคริสตชน งานบริหารมิสซัง งานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของมิสซัง ฯลฯ ผมขอฝากทุกอย่างในพระประสงค์ของพระองค์ เหมือนกับท่านสิเมโอนได้กล่าวว่า…บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ (ลก.2:29) และขอฝากคณะธรรมทูตไทย ไว้ในคำภาวนา และการสนับสนุนจากทุกท่านต่อไป